เลื่อนอุทธรณ์'เกริกเกียรติ'ยักยอกทรัพย์บีบีซี ร่วม 30 ล้าน เหตุเจ้าตัวป่วยหนักรักษามะเร็งระยะสุดท้าย ศาลนัดอีกครั้ง 20 ธ.ค.นี้
4 ต.ค.55 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 09.30 น. ศาลนัดฟังคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์คดียักยอกทรัพย์ธนาคารกรุงเทพฯพาณิชยการ จำกัด (มหาชน) หรือบีบีซี หมายเลขดำที่10764/2542 ที่พนักงานอัยการเศรษฐกิจและทรัพยากร 1 และบีบีซี ร่วมเป็นโจทก์ที่ 1-2 ยื่นฟ้อง นายเกริกเกียรติ ชาลีจันทร์ อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่บีบีซี และนายเอกชัย อธิคมนันทะ อดีตผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่บีบีซี เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานยักยอกทรัพย์ และ พรบ.หลักทรัพย์และตลาดทรัพย์ พ.ศ.2535 จากกรณีเมื่อปี 2538 จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้บัตรพิเศษผ่านรายการ 0109 J (บัตรอิเล็กทรอนิกส์ใช้อนุมัติวงเงินสินเชื่อผ่านระบบคอมพิวเตอร์) อนุมัติสินเชื่อให้บุคคลและนิติบุคคลต่างๆ ในวงเงินเกิน 30 ล้านบาท ซึ่งฝ่าฝืนหลักเกณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่กำหนดให้ต้องเสนอการอนุมัติวงเงินสินเชื่อ 30 ล้านบาทขึ้นไป คณะกรรมการบริหาร หรือคณะกรรมการ (บอร์ด) บีบีซี หรือคณะกรรมการอนุมัติสินเชื่อเพื่อพิจารณากลั่นกรองและต้องทำรายงานส่งกลับ ธปท.
ขณะนี้จำเลยได้เข้ารับการรักษาโรคมะเร็งระยะสุดท้ายที่ รพ.แห่งหนึ่ง ไม่สามารถเดินทางมารับฟังคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ได้ ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า กรณีมีเหตุสมควร จึงให้เลื่อนฟังคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์เป็นวันที่ 20 ธ.ค.นี้ เวลา 09.30 น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 26 ก.ย.2550 ให้ยกฟ้องจำเลยทั้งสอง
เนื่องจากพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบ ยังไม่มีน้ำหนักเพียงพอบ่งชี้ได้ว่าจำเลยที่ 1 และ 2 เกี่ยวข้องกับใช้บัตรพิเศษผ่านรายการ 0109 อนุมัติสินเชื่อ เพื่อเบียดบังทรัพย์สินของบีบีซีไปเป็นของตนเอง และการกระทำของจำเลยทั้งสองสร้างความเสียหายให้กับโจทก์ร่วมแต่อย่างใด หรือแสดงให้เห็นว่าจำเลยทั้งสองมีเจตนาที่จะกระทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน จำเลยทั้งสองจึงยังไม่มีความผิดตามฟ้อง อัยการโจทก์ยื่นอุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองด้วย