ศาลไม่ให้ประกันหมอสุพัฒน์ชี้เป็นคดีสะเทือนขวัญ

ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 2 ตุลาคมว่า   พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ แพทย์โรงพยาบาลตำรวจ  ผู้ต้องหาคดีการหายตัวของนายสามารถ นุ่มจุ้ยกับน.ส.อรษา เกิดทรัพย์ สองสามีภรรยา ถูกควบคุมตัวจากเรือนจำกลางเพชรบุรี ไปฟังคำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 7  ที่ศาลจังหวัดเพชรบุรี โดยก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 24 กันยายน 

พนักงานสอบสวน สภ.ท่าไม้รวก อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี นำพ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ไปขออำนาจศาลจังหวัดเพชรบุรีฝากขัง พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ได้ยื่นหลักทรัพย์ 1.5 ล้านบาทขอประกันตัว แต่ศาลไม่อนุญาต  จึงยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นไปยังศาลอุทธรณ์ภาค 7 เพื่อขอให้พิจารณาปล่อยตัวชั่วคราวดังกล่าว

ศาลจังหวัดเพชรบุรีอ่านคำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ความผิดที่ถูกกล่าวหาเกี่ยวโยงกับการเสียชีวิตของผู้อื่น พฤติการณ์นับว่าเป็นเรื่องที่ร้ายแรง กระทบต่อความรู้สึกและศีลธรรมอันดีของประชาชน  ทั้งพนักงานสอบสวนได้คัดค้านการประกันตัว อ้างเป็นคดีสะเทือนขวัญ ผู้ต้องหามีอิทธิพล หากอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวในชั้นนี้  อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อพยานหลักฐานอันจะเป็นอุปสรรคต่อการสอบสวนของเจ้าพนักงาน กระทบต่อรูปคดี  จึงยังไม่มีเหตุสมควรให้ปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาในระหว่างสอบสวน คำสั่งศาลชั้นต้นชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง

วันเดียวกัน พล.ต.ท.หาญพล  นิตย์วิบูลย์ ผบช.ภ.7 พร้อมคณะนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ เดินทางมาที่ สภ.ท่าไม้รวก อ.ท่ายาง ติดตามความคืบหน้าการขุดค้นหาศพ 2 สามีภรรยา ที่นายสว่าง นุ่มจุ้ย ผู้เป็นบิดา และพยานให้การว่าถูกฆ่าและฝังไว้ในไร่ของพ.ต.อ. นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ ที่ ต.กลัดหลวง อ.ท่ายาง

โดยพล.ต.ท.หาญพลเปิดเผยว่า จากการตรวจสอบพบว่า 2 ใน 3 โครงกระดูกที่พบในไร่ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เกิดจากการฆาตกรรมแน่นอน เพราะมีรอยกระสุนปืน ที่สำคัญจากการตรวจสอบโดยละเอียดยังพบเศษหัวกระสุนฝังอยู่ ขณะนี้อยู่ระหว่างการหาพยานหลักฐานเชื่อมโยงไปยังผู้ฆ่า คาดว่าในสัปดาห์หน้าจะมีการแจ้งข้อหาเพิ่มกับพ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์    ในส่วนของผู้ต้องหาอีกรายคือ นางวิลสา จันทรบัญชร ภรรยา พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ หลังจากถูกออกหมายจับ ไม่มีการติดต่อขอเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ คาดว่าหลบหนี ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังสืบสวนติดตามจับกุมอยู่   ส่วนกรณีที่ญาติกังวลว่าจะหยุดขุดหาศพ หากมีพยานหลักฐานเพิ่มเติมก็จะทำการขุดค้นอย่างต่อเนื่อง ขณะนี้ได้พยานเพิ่มเติมแต่ขอปกปิดไว้ก่อน  ส่วนไร่ที่วังข้าวสาร หรือไร่บน อ.ท่ายาง ซึ่งเป็นไร่ของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ อีกแห่งยังไม่มีหลักฐานพอเข้าค้น แต่ติดตามอยู่ จากปากคำพยานน่าเชื่อว่าศพของนายสามารถและนางอรษาน่าจะยังอยู่ในไร่แห่งเดิมที่ขุดพบโครงกระดูกไปแล้ว 3 ซาก

จากนั้น พล.ต.ท.หาญพลเดินทางเข้าไปในไร่ของพ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ที่บ้านท่ามะริด หมู่ 2 ต.กลัดหลวง ติดตามและสอบถามการตรวจค้นหาโดยใช้เครื่องเรด้าร์ตรวจหาวัตถุใต้ผิวดิน จากภาควิชานิเทศศาสตร์พื้นพิภพ ม.เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสนหรือ “เครื่องสแกน GPR ” ซึ่งวันนี้ เจ้าหน้าที่ได้ทำการสแกนบริเวณพื้นดินใต้ศาลาทรงไทย  ซึ่งอยู่ห่างจากจุดที่ค้นพบโครงกระดูกที่ 2 และที่ 3 ประมาณ 100 เมตร

ด้านนางสธิสา วงศ์สิงห์ พี่สาว น.ส.อรษา ผู้สูญหายกล่าวว่า อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจขุดค้นหาศพน้องสาวต่อไปจนพบ เพราะพยานบ่งชี้ว่าน้องลงมาที่นี่ก่อนสาบสูญไป ต้องการนำน้องสาวขึ้นมาเพื่อนำไปบำเพ็ญกุศล ส่วนเรื่องคดีหวั่นๆใจเช่นกัน แต่เมื่อถึงวันนี้เห็นตำรวจทำงานเต็มที่คิดว่า คิดว่าคงได้รับความเป็นธรรม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ท.หาญพลได้ชี้แจงการทำงานของตำรวจให้นายสว่าง นุ่มจุ้ย บิดานายสามารถ ผู้สูญหายถึงการพิสูจน์ DNA ที่ผ่านมา ซึ่งเพื่อความสบายใจได้ส่งกระดูกที่พบไปพิสูจน์อีกครั้งที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์แล้ว และหากมีปัญหาจะส่งไปที่โรงพยาบาลรามา ซึ่งเป็นอันดับ 1 ในการพิสูจน์ DNA ก็ได้  ทั้งนี้ ขอให้มั่นใจตำรวจทำงานเต็มที่ตรงไปตรงมา พร้อมกันนี้ พล.ต.ท.หาญพลได้ให้นายสว่าง นำรูปถ่ายนายสามารถ และน.ส.อรษา มามอบให้เพื่ออาจนำไปใช้ในการสแกนใบหน้าจำลองภาพเชิงซ้อน