ศึกสายเลือด "เลาหะวัฒนะ" พี่ชายขึ้นศาลฟ้อง "หมอสุพัฒน์" น้องชายเบิกความเท็จชิงสิทธิอนุบาลมารดา ศาลนัดฟังคำสั่งรับฟ้องคดีหรือไม่ 31 ต.ค. นี้
ขณะที่ "หมอพรทิพย์" เผย พ่อ 2 สามีภรรยาที่หายตัวไปเมินเข้าขอให้ช่วยเหลือ เผยตามขั้นตอนกฎหมายชี้ชัด คนนอกไม่มีสิทธิเคลื่อนย้ายกระดูกที่ไม่ใช่ญาติ
วันนี้ (1 ต.ค.) ที่ห้องพิจารณา 802 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์ไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ครั้งแรกคดีดำ อ.2498/55 ที่นายสุเทพ เลาหะวัฒนะ อายุ 63 ปี อาชีพนักธุรกิจ เป็นโจทก์ฟ้อง พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ อายุ 57 ปี อดีตอายุรแพทย์ รพ.ตำรวจ เป็นจำเลยในความผิดฐานเบิกความเท็จ และแสดงหลักฐานอันเป็นเท็จต่อศาล ฟ้องโจทก์เมื่อวันที่ 20 ก.ค. 55 ระบุความผิดสรุปว่า
เมื่อวันที่ 11 พ.ค. 55 เวลากลางวัน จำเลยได้นำข้อความอันเป็นเท็จเบิกความต่อศาลเยาวชนและครอบครัวกลางในคดีที่ 1653/54 ในคดีที่จำเลย ยื่นคำร้องต่อศาลเยาวชนฯ ร้องขอให้นางถนิม เลาหะวัฒนะ มารดาวัย 96 ปี เป็นบุคคลผู้ไร้ความสามารถและจำเลย ได้แสดงพยานหลักฐานเท็จในสาระสำคัญของคดีทำให้โจทก์ไม่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้อนุบาลนางถนิม ผู้เป็นมารดา การกระทำของจำเลยทำให้โจทย์ได้รับความเสียหาย จึงขอให้ศาลออกหมายเรียกจำเลยมาแก้ต่างคดีและพิพากษาลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177,180 ด้วย เหตุเกิดที่แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กทม.
นอกจากนายสุเทพที่มาเบิกความต่อศาลด้วยตัวเองแล้ว ยังมีนายประเทือง เขียวเหมือน ทนายความ มาเบิกความสนับสนุนนายสุเทพด้วย ภายหลังการไต่สวนมูลฟ้อง ศาลนัดฟังคำสั่งว่าจะประทับรับฟ้องคดีไว้พิจารณาหรือไม่วันที่ 31 ต.ค. นี้ เวลา 09.00 น.นายสุเทพ เปิดเผยภายหลังเบิกความถึงกรณี พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ น้องชาย จะถูกดำเนินคดีคดีอุ้ม 2 สามีภรรยา ที่ จ.เพชรบุรี ว่า ตนไม่มีสิทธิว่าจะเชื่อหรือไม่เชื่อว่าน้องชายทำ แต่เป็นเรื่องของคดี ที่ผ่านมายังไม่ได้ไปเยี่ยมน้องชาย เพราะตนมีหน้าที่ต้องดูแลแม่ แต่หากน้องชายต้องการความช่วยเหลือก็ยินดีช่วย
เพราะอย่างไรแล้วน้องก็ยังเป็นน้อง สำหรับประเด็นข้อเท็จจริงที่น้องถูกดำเนินคดี ตนก็ไม่ได้นำเสนอต่อศาลเยาวชนฯ ที่ตนได้ร้องคัดค้านน้องในการขอเป็นผู้อนุบาลมารดาแต่อย่างใด ส่วนเรื่องคลิปของมารดาที่ถูกเผยแพร่ออกมานั้นไม่ได้มีการบังคับ โดยขอให้ทุกคนดูเองว่า มารดาถูกบังคับหรือไม่ ซึ่งการทำคลิปเพื่อเป็นการเตือนสติน้องไม่ได้ทำร้าย แต่หากน้องจะนำมาฟ้องคดีในฐานะพี่ชายตนก็พร้อมแอ่นอกรับ
อีกด้านหนึ่ง ที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ถนนแจ้งวัฒนะ พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เปิดเผยกรณีนายสว่าง นุ่มจุ้ย บิดานายสามารถ นุ่มจุ้ย ที่หายตัวไปพร้อมภรรยา นัดหมายเข้าพบเพื่อขอความช่วยเหลือในการตรวจสอบโครงกระดูกหลังจากไม่เชื่อผลการตรวจของนิติเวช รพ.ตำรวจ โดยเฉพาะผู้ต้องหาเป็นทั้งตำรวจและแพทย์ของรพ.ตำรวจว่า ล่าสุดญาติไม่ได้เดินทางเข้าพบและไม่สามารถติดต่อได้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ได้ติดต่อขอเข้าพบ แต่ไม่ทราบเหตุผลที่ยกเลิก อย่างไรก็ตามเบื้องต้นชี้แจงกรณีดังกล่าวกับนายสว่างว่า ญาติมีสิทธิในการร้องเรียนถึงการหายตัวไปได้ แต่ยังไม่มีสิทธิขอให้เคลื่อนโครงกระดูกที่พบในไร่มาให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ตรวจพิสูจน์ เพราะผลการตรวจสอบขณะนี้นิติเวชระบุว่าไม่ใช่ญาติของนายสว่าง ทำให้นายสว่างไม่ใช่ญาติสายตรงจึงไม่มีสิทธิเคลื่อนย้ายโครงกระดูกได้
พญ.คุณหญิงพรทิพย์ เปิดเผยอีกว่า การที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์จะเข้าไปตรวจพิสูจน์ได้มี 2 แนวทาง คือ กรณีที่พนักงานสอบสวนมีดุลยพินิจให้เข้าตรวจสอบ หรือกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ซึ่งอยู่ในสังกัดกระทรวงยุติธรรมรับเป็นคดีพิเศษเท่านั้น ทั้งนี้ศพญาติของนายสว่างอาจไม่ได้อยู่ไร่ของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ก็ได้ ส่วนการขุดหาโครงกระดูกนั้นไม่สามารถใช้รถแบ๊คโฮขุดโดยเด็ดขาด หรือหากขุดเจอในบ่อน้ำต้องใช้วิธีสูบน้ำออก