จากกรณีที่นายสุเทพ เลาหะวัฒนะ พี่ชาย พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ ผู้ต้องหาในคดีหายตัวของสองสามีภรรยาที่ จ.เพชรบุรี
ได้เดินทางเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน สภ.ท่าไม้รวก เมื่อวันที่ 27 กันยายน โดยมี พ.ต.อ.พิชัย ปกป้อง ผกก.สภ.ท่าไม้รวก และชุดพนักงานสอบสวนเข้าทำการสอบปากคำ โดยเบื้องต้นขอให้ปิดสถานที่ในการให้ปากคำ ทำให้สื่อมวลชนที่ไปรอทำข่าวตลอดทั้งวันไม่พบตัวและมาทราบในช่วงเย็นว่า มีการสอบปากคำที่ชั้น 2 ภายในโรงแรมรอยัล ไดมอน จ.เพชรบุรี โดยสาเหตุที่มีการปกปิดผู้สื่อข่าวและย้ายสถานที่สอบสวน เนื่องจากนายสุเทพเกรงว่าจะเกิดความไม่ปลอดภัย ทั้งนี้ การสอบปากคำเริ่มตั้งแต่ 11.00 น. กระทั่งเวลา 21.00 น. รวมนานกว่า 10 ชั่วโมง หลังสอบปากคำเสร็จสิ้น
นายสุเทพเปิดเผยว่า วันที่ 28 กันยายน มาให้ความร่วมมือกับพนักงานสอบสวนเกี่ยวกับรถยนต์ตู้ ที่มีชื่อตนเป็นเจ้าของ
แต่ไปพบจอดอยู่ภายในบ้านพักของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ และตรวจค้นอาวุธปืนได้ภายในรถถึง 12 กระบอก ตนได้นำหลักฐานมาแสดงว่า ตนเองได้ขายรถคันดังกล่าวให้ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ไปนานหลายปีแล้ว นอกจากนี้ ยังให้ข้อมูลเกี่ยวกับที่มาการให้ข้อมูลและเบาะแสกับพี่สาวของนายสามารถ นุ่มจุ้ย ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของ รพ.ตำรวจ และเป็นคนคอยดูแลแม่เมื่อมาที่ รพ.ตำรวจ เป็นข้อมูลเดียวกับที่เคยให้ข่าวกับสื่อไปแล้วว่า ขณะที่ได้คุยกัน พี่สาวนายสามารถได้สอบถามว่า พอจะทราบหรือไม่ว่าถ้าคุณหมอจะนำพี่ชายและพี่สะใภ้พร้อมรถยนต์ไปซุกซ่อน คุณหมอจะไปซ่อนที่ไหน ซึ่งตนก็ตอบไปว่า น่าจะไปดูที่บ้านที่นนทบุรี ซึ่งเคยเป็นบ้านที่คุณแม่อยู่ จากนั้นระยะหนึ่งก็พากันไปดูและไปพบรถยนต์คันดังกล่าว โดยที่ตนเองก็ไม่รู้จักสองสามีภรรยานี้มาก่อน แต่เมื่อมาเจอรถยต์ มันก็ทำให้พี่สาวของสองสามีภรรยา และผู้เป็นพ่อสืบหาเรื่องราวทั้งหมด จนมีการออกหมายจับหมอสุพัฒน์
"ในส่วนของความขัดแย้งระหว่างตนกับน้องนั้นไม่มี มีแต่ที่น้องไปยื่นต่อศาลขอให้คุณแม่เป็นผู้ไร้ความสามารถและขอเป็นผู้อนุบาล ซึ่งเมื่อครอบครัวทราบเรื่องตนจึงเป็นตัวแทนของครอบครัวยื่นคัดค้านต่อศาลเท่านั้นเอง ส่วนคดีที่เกิดขึ้นใครเป็นผู้ทำคนนั้นก็ต้องเป็นผู้รับผิดชอบ" นายสุเทพกล่าว
นายสุเทพกล่าวด้วยว่า การดำเนินคดีเมื่อน้องเป็นคนทำ ก็คือน้องทำ จะให้คนอื่นเป็นคนทำได้อย่างไร
น้องต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าน้องไม่ได้ทำ หรือเป็นคนทำ ก็ต้องยอมรับว่าเป็นคนทำ ส่วนที่ถามว่าจะไปเยี่ยม พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์หรือไม่นั้น ขณะนี้ภายในครอบครัวเรากลัวน้อง หากไปพบก็อาจจะทำให้ขยายความร้าวลึกขึ้นไปใหญ่ และข้อมูลทั้งหมดได้ให้ปากคำไว้กับพนักงานสอบสวนแล้ว ตอนนี้ตนเองก็ต้องขอความคุ้มครองปลอดภัยจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยที่บ้านพักตนเองก็ติดกล้องวงจรปิดไว้รอบบ้าน
จากนั้น นายสุเทพจึงได้ขอตัวขึ้นรถยนต์เพื่อเดินทางกลับ โดยมีรถยนต์ตำรวจขับนำและคุ้มครองไปส่งจนถึงบ้านพักในกรุงเทพมหานครต่อไป