“เพรียวพันธ์” มอบตำแหน่งให้ “อดุลย์”สมเกียรติ
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 28 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าได้มีการจัดพิธีรับมอบหน้าที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) โดยมีนายตำรวจระดับรอง ผบ.ตร.จเรตำรวจแห่งชาติ ผู้ช่วย ผบ.ตร.พร้อมกองเกียรติยศได้ตั้งแถวแสดงความเคารพ จากนั้น พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร. และพล.ต.อ.อดุลย์แสงสิงแก้ว รอง ผบ.ตร.ในฐานะว่าที่ ผบ.ตร.คนที่ 9 ร่วมกันเดินตรวจแถวและขึ้นแท่นรับความเคารพ วางพานประดับพุ่มไม้สักการะพระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 4 ก่อนที่ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ จะมอบตราประจำตำแหน่ง ผบ.ตร.ให้กับ พล.ต.อ.อดุลย์ พร้อมกล่าวอำลาตำแหน่งว่า ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ พล.ต.อ.อดุลย์ ดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร.คนใหม่ ตนขอแสดงความยินดีด้วยความจริงใจ ซึ่งพล.ต.อ.อดุลย์แสดงผลงานดีเด่นเป็นที่ประจักษ์ต่อทุกคน เชื่อว่าจะปฏิบัติหน้าที่อย่างมีประสิทธิ์ภาพเป็นประโยชน์ต่อทางราชการและประชาชน
ขณะที่พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าวว่า นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างยิ่งที่มีพระบรมราชโองการแต่งตั้งตนเป็นผบ.ตร. และนับเป็นเกียรติอย่างสูงที่ ผบ.ตร.และพี่น้องตำรวจได้ร่วมทำพิธีส่งมอบหน้าที่ให้ โดย 1 ปีที่ผ่านมา ผบ.ตร.ได้มอบหน้าที่สำคัญให้ทำจนเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน ฉะนั้นตนจะพยายามทุ่มเทกำลังกายและใจ พร้อมสติปัญญา ความสามารถในการปฏิบัติหน้าที่ โดยยึดถือความเป็นธรรม มุ่งเน้นเทิดทูนภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข พร้อมทั้งจะดูแลความปลอดภัยของประชาชนอย่างเต็มที่ โดยขอให้พี่น้องตำรวจนำนโยบายไปปฏิบัติเต็มกำลังให้ตำรวจเป็นที่รักของประชาชน
“พิธีส่งมอบตำแหน่งในวันนี้ จัดงานได้สมเกียรติ ที่ถือว่าเป็นปีแรก ฉะนั้นควรจะมีการจัดการส่งมอบตำแหน่งแบบนี้ต่อๆ ไป เพราะเป็นค่านิยมใหม่ให้ตำรวจกตัญญูต่อ ผบ.ตร.” พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าวเน้นย้ำ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากกล่าวมอบตำแหน่งเสร็จสิ้นแล้ว บรรดาข้าราชการตำรวจได้ตั้งแถว 2 ข้างทางเดิน บริเวณห้องโถงอาคาร 1 ตร.เพื่อแสดงความเคารพ พร้อมมอบดอกกุหลาบให้กับ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ที่จะเกษียณอายุในวันที่ 30 ก.ย.นี้ ก่อนจะขึ้นรถเดินทางกลับ
หลังจากนั้น พล.ต.อ.อดุลย์ ให้สัมภาษณ์ถึงนโยบายว่า ขณะนี้ได้ยกร่างแผนนโยบายและแผนปฏิบัติงานของ ตร.เสร็จแล้ว โดยมีหลักในการทำงาน 11 ข้อ ประกอบด้วย 1.ปกป้อง เทิดทูนและพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์และการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข 2.ป้องกันและปราบปรามยาเสพติดอย่างเข้มข้น ทั้งผู้ผลิต ผู้ค้า ผู้จำหน่าย รายใหญ่และรายย่อยในชุมชนตลอดจนมาตรการยึดทรัพย์กับผู้เกี่ยวข้องทุกราย โดยยึดหลักกฎหมายและหลักนิติธรรม 3.แก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อยุติเหตุร้ายรายวันและความรุนแรงด้วยมาตรการเชิงรุกเพื่อจำกัดเสรีการปฏิบัติของฝ่ายตรงข้าม
4.ควบคุมและลดความรุนแรงของอาชญากรรมให้ประชาชนเกิดความมั่นใจต่อ การปฏิบัติงานของตำรวจโดยการจัดระเบียบสังคมและควบคุมอบายมุขผิดกฎหมายในพื้นที่ 5.ให้ความสำคัญกับการพัฒนาสถานีตำรวจเพื่อมีความพร้อมในการให้บริการและเป็นที่พึ่งของประชาชนได้อย่างแท้จริง 6.การปฏิบัติงานของตำรวจให้ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลางและส่งเสริม ให้ประชาชน ชุมชนและท้องถิ่นมีความรู้สึกเป็นเจ้าของและมีส่วนร่วมในทุกมิติ 7.พัฒนาบุคลากรทุกสายงานให้มีความพร้อมในการปฏิบัติงานอย่างมืออาชีพ มีความซื่อสัตย์ สุจริต ยึดมั่นในศีลธรรมและสร้างค่านิยมให้มีความเป็นอยู่ที่เรียบง่าย ประหยัด 8.เตรียมความพร้อมและเร่งรัดการดำเนินการด้านบุคลากร โครงสร้าง กฎระเบียบและอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อให้สามารถรองรับและเป็นมาตรฐานในกรอบของอาเซียน
9.พัฒนาศูนย์ปฏิบัติการ (ศปก.) ทุกระดับให้มีความพร้อมเพื่อเป็นเครื่องมือของผู้บังคับบัญชาในการขับเคลื่อน ติดตามการปฏิบัติและบูรณาการการทำงานในทุกมิติ โดยนำเทคโนโลยีมาใช้ 10.เน้นภาวะผู้นำในทุกระดับ ผู้บังคับบัญชาต้องเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่ผู้ใต้บังคับบัญชา ให้ทำงานเป็นทีมและมีเอกภา 11.จัดระบบและดำเนินการด้านสวัสดิการให้แก่ข้าราชการตำรวจ ครอบครัว และข้าราชการตำรวจที่เกษียณอายุราชการแล้ว ให้มีสุขภาพพลานามัย มีความเป็นอยู่ที่ดี ประกอบอาชีพเสริม ดำเนินชีวิตอย่างเรียบง่าย สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างมีศักดิ์ศรี ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
“พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ไม่ได้ฝากงานอะไรเป็นพิเศษ ซึ่งตัวท่านถือเป็นตัวแบบผู้นำหน่วยที่ทำงานด้วยความมุ่งมั่น และมองการทำงานในแง่บวก โดยงานด้านการปราบปรามยาเสพติด ที่ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ผมจะดำเนินการสานต่อ และจะเชิญ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ เป็นที่ปรึกษาการทำงานด้านนี้ ซึ่งทาง พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ก็ได้ตอบรับมาแล้ว ทั้งนี้นโยบายการแก้ปัญหาความรุนแรงในพื้นที่ภาคใต้ และการปราบยาเสพติด ผมจะเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องดังกล่าวด้วยตนเอง ซึ่งเหตุการณ์ความรุนแรงจนประชาชนในพื้นที่ไม่สามารถประกอบอาชีพได้นั้น ผมขอไปตรวจสอบเรื่องนี้ก่อน เพราะต้องแก้ปัญหาอย่างรอบคอบ ซึ่งนโยบายที่จะเร่งดำเนินการจะต้องปรึกษากับรอง ผบ.ตร.ท่านอื่นๆ โดยในวันที่ 1 ต.ค.จะมีการแบ่งงานให้กับรอง ผบ.ตร.ทุกคน ส่วนการแต่งตั้งระดับรอง ผบก.– สว.จะพยายามทำให้เสร็จภายในเดือน ต.ค.นี้” พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าว
ด้าน พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ กล่าวถึง พล.ต.อ.อดุลย์ ในฐานะว่าที่ ผบ.ตร.คนใหม่ว่า พล.ต.อ.อดุลย์ ทราบอยู่แล้วว่าต้องสานงานด้านไหนต่อ เพราะเป็นคนเก่งและมีประสบการณ์มาแล้ว ไม่ต้องฝากอะไรแล้ว