พี่ชายหมอตำรวจ ออกโรงโต้ ปัดจัดฉากป้ายสีน้อง ยันไม่มีปัญหาเรื่องมรดก พร้อมแจงละเอียดยิบปมขัดแย้ง เผยน้องเป็นคน 2 บุคลิกภาพ วอนน้องรับสารภาพอย่างลูกผู้ชาย ยินดีช่วยเหลือ
วันนี้ (24 ก.ย.) นายสุเทพ เลาหะวัฒนะ พี่ชายพ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ อดีตนายแพทย์(สบ5)
กลุ่มงานเวชศาสตร์ครอบครัว รพ.ตำรวจ ให้สัมภาษณ์ชี้แจงกรณี พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ อ้างว่า เป็นผู้จัดฉากให้ร้าย เนื่องจากมีปัญหาความขัดแย้งในครอบครัว เพราะมีการฟ้องร้องกันอยู่ในชั้นศาล
โดยนายสุเทพ อ้างว่า ไม่เป็นความจริง เนื่องจากเมื่อปี 51 หมอสุพัฒน์ ได้ให้ยารักษาแม่ไม่ตรงกับโรค ให้ยานอนหลับเกินขนาด
ส่งผลให้แม่ที่ป่วยเป็นโรคหัวใจมีอาการเต้นของหัวใจผิดจังหวะ เท้าบวม ตนเห็นว่า น้องชายให้ยาคุณแม่ไม่สุจริต จึงพาตัวคุณแม่หลบหนีออกจากบ้าน เป็นจุดแตกหัก จากนั้นมาทราบว่าไปร้องศาลว่าแม่ความจำเสื่อม ขอเป็นผู้อนุบาล แต่ตนคัดค้าน เพราะสุขภาพร่างกายแม่แข็งแรงดีไม่ได้มีอาการป่วยตามที่ถูกกล่าวอ้าง ต่อมาหมอไปร้องศาลว่าตนไปกู้เงินมาจำนวนหนึ่ง ทั้งที่ไม่เคยไปกู้เงินดังกล่าว จึงไปร้องศาลว่า น้องชายเบิกความเท็จ แต่ก็ถูกน้องชายฟ้องกลับว่าตนเบิกความเท็จ
เมื่อถามถึงความขัดแย้งเรื่องมรดกนั้น พี่ชาย พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ กล่าวว่า ไม่เป็นความจริง
เนื่องจากที่บ้านไม่ได้มีมรดกอะไรมาก นอกจาก ที่ดิน 3 แปลง ย่าน พหลโยธิน, ลาดพร้าว และ กรุงเทพฯ-นนทบุรี ซอย 1 ส่วนเงินสดของคุณแม่ ในธนาคาร ถูกน้องชายถอนไปจนหมดบัญชี มากว่า 10 ปีแล้ว อย่างไรก็ตามเมื่อเดือน ม.ค. 54 น้องชายได้นำเงินค่าให้เช่าที่ดินในซอยเย็นอากาศ 16.8 ล้านบาท เอาไปเป็นเงินส่วนตัว ทั้งที่เป็นรายได้ของครอบครัว เมื่อถูกท้วงถามก็ถูกปฏิเสธที่จะคืน
ผู้สื่อข่าวถามว่า กระแสสังคมมองว่าพี่ชายเป็นคนชี้เป้าในการขุดพบโครงกระดูก ที่ จ.เพชรบุรี
นายสุเทพ กล่าวว่า ตนไม่ได้รู้ข้อมูลเรื่องการขุดพบศพดังกล่าว แต่เป็นคนสนิทของน้องชายที่ให้ข้อมูล และในวันขุดพบโครงกระดูก ตนก็พาญาติของผู้สูญหายทั้ง 2 คน ไปดูเท่านั้น ส่วนตัวจะไปรู้ได้อย่างไรว่าในไร่เกิดอะไรขึ้น เพราะตนไม่ใช่เจ้าของ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในไร่ดังกล่าว ส่วนที่บ้านจ.นนทบุรีที่พบรถปิกอัพ ปกติแม่จะอาศัยอยู่ แต่ตนได้พาออกมาอยู่ที่อื่นนานกว่า 5 ปีแล้ว จากนั้นน้องชายก็เป็นดูแลทั้งหมด
“ไม่รู้ว่าหมอคิดอะไร ผมอายุห่างกัน 6 ปี เลี้ยงเขามาตลอด ปกติก็เป็นคนดี เรียนเก่ง แต่จะเป็นคนสองบุคลิก เมื่ออยู่กับครอบครัวก็จะเป็นคนสุภาพเรียบร้อย แต่ถ้าอยู่กับคนที่ด้อยกว่าก็จะเป็นอีกแบบ พี่สาวที่เลี้ยงมายังเคยถูกทำร้าย เพราะเข้าไปเตือนเรื่องผู้หญิง ที่น้องชายพยายามจะพาให้ที่บ้านรู้จัก อยากให้น้องชายหาทางช่วยเหลือตัวเอง ดิ้นไปแบบนี้โทษจะหนักไปเรื่อย ไม่ใช่แค่กรณีสองผัวเมียเท่านั้น ยังไปทำคนอื่นไว้อีกเยอะ”นายสุเทพ กล่าวและว่า เชื่อว่าสาเหตุที่น้องชายพยายามโยนความผิดมาที่ตนว่าเป็นการจัดฉาก เพราะ คิดอะไรไม่ออกจึงโยนความผิดมา ตนในฐานะพี่ชายก็แอ่นอกรับและพร้อมจะช่วยเหลือเนื่องจากเป็นพี่น้องคลานตามกันมา.