เจอปอยผม-ปูนโบกบ้านหมอ ไขคดีอุ้มฆ่า2ผัวเมีย

เจอปอยผม-ปูนโบกบ้านหมอ ไขคดีอุ้มฆ่า2ผัวเมีย พี่ชายโทรแจ้งญาติเหยื่อ เคืองน้องปมมรดกร้อน

คดีอุ้มฆ่าสองผัวเมียเจ้าของไร่สับปะรดเริ่มคืบ ภายหลังพบกระจุกเส้นผมและรอยโบกปูน พร้อมหมวกแก๊ปเปื้อนเลือดตกอยู่

ขณะเดียวกันชุดสืบสวนนนท์ พบบิลบัตรเครดิตส่งถึง "วิสสา จันทรบัญชร" เตรียมเรียกมาให้ปากคำ ด้านญาติเหยื่อเผยเรื่องปูด เพราะพี่ชายหมอในโรงพยาบาลตำรวจไม่พอใจน้องชายที่เป็นเจ้าของบ้านร้าง จึงโทรฯมาเล่าเบาะแสให้ฟัง เท่านั้นไม่พอยังนัดตำรวจให้ข้อมูลเพื่อคลี่ปริศนาทั้งหมด ส่วนหมอยอมรับโทรศัพท์แต่ยังไม่ชี้แจงข้อเท็จจริงใด ๆ ก่อนปิดสายหายเงียบ

จากกรณีที่ นายสามารถ นุ่มจุ้ย อายุ 27 ปี และ น.ส.อรษา เกิดทรัพย์ อายุ 27 ปี
 
สองสามีภรรยาเจ้าของไร่สับปะรด ใน ต.ท่าไม้รวก อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี ถูกอุ้มตัวหายไปจากบ้านพักอย่างไม่ทราบชะตากรรม พร้อมกับรถกระบะโตโยต้า ไทเกอร์ สีบรอนซ์เทา ตั้งแต่เมื่อ 3 ปีที่แล้ว กระทั่งทางญาติของผู้สูญหายไปพบรถกระบะของทั้งคู่ ถูกจอดทิ้งอยู่ภายในบ้านร้างย่าน จ.นนทบุรี โดยตำรวจคาดว่าทั้งสองอาจถูกอุ้มมาฆ่าทิ้ง ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าในเรื่องนี้ เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 17 ก.ย. ที่ สภ.เมือง จ.นนทบุรี

พล.ต.ต.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบก.ภ.จว.นนทบุรี ได้เรียกประชุมตำรวจชุดคลี่คลายคดีอุ้มสองสามีภรรยา หลังมีการพบรถกระบะของผู้สูญหายทั้งสองมาจอดทิ้งไว้ที่บ้านร้างหลังหนึ่งใน จ.นนทบุรี โดยใช้เวลาประชุมเครียดกว่า 1 ชม. ก่อนที่ทาง พล.ต.ต.ธนายุตม์ จะเปิดเผยว่า ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.ชาญศิริ สุขรวย ผกก.สภ.เมืองนนทบุรี เร่งทำการตรวจสอบว่าบ้านหลังดังกล่าวมีใครเป็นเจ้าของ และให้ตรวจสอบบิลค่าน้ำค่าไฟ และบัตรเครดิตที่มีชื่ออยู่ในตู้ไปรษณีย์ โดยให้ออกหมายเรียกบุคคลทั้งหมดมาให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่


เจอปอยผม-ปูนโบกบ้านหมอ ไขคดีอุ้มฆ่า2ผัวเมีย

ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าในบิลบัตรเครดิตธนาคารแห่งหนึ่งที่ส่งมาที่บ้านหลังดังกล่าว ส่งถึง น.ส.วิสสา จันทรบัญชร

และจากการตรวจสอบภายในรถอย่างละเอียดยังพบบัตรประกันสังคมและบัตรประจำตัวประชาชนของ น.ส.อรษา รวมถึงหมวกแก๊ปที่มีคราบเลือดตกอยู่ภายในรถด้วย จึงต้องรอผลตรวจสอบดีเอ็นเอจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ว่า เป็นเลือดของใคร รวมถึงรอยนิ้วมือแฝงที่พบภายในรถ คาดว่าจะรู้ผลใน 1-2 วันนี้

ต่อมาตำรวจ สภ.เมืองนนทบุรี ได้นำหมายค้นของศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ 1846/2555 ลงวันที่ 17 ก.ย. 55

เข้าทำการตรวจค้นบ้านร้างเลขที่ 125/53 และ 125/2 ซอยกรุงเทพนนท์ 1 ถนนกรุงเทพ-นนท์ ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี ที่มีการพบรถกระบะของสองสามีภรรยานำมาจอดทิ้งไว้ เพื่อค้นหาหลักฐานเพิ่มเติม โดยเจ้าหน้าที่ได้พบเส้นผมจำนวนหนึ่งตกอยู่บนพื้นดินข้างตัวบ้าน และพบร่องรอยโบกปูนซึ่งมีลักษณะเป็นรอยโบกทับใหม่ในห้องคนรับใช้ซึ่งอยู่ติดกับที่พบเส้นผม แต่ทางตำรวจยังไม่สามารถขุดดูได้ เนื่องจากจะเป็นการทำลายทรัพย์สิน เพราะหมายที่นำมาเป็นเพียงแค่หมายค้นเท่านั้น พร้อมกันนี้ได้สั่งการเจ้าหน้าที่ตำรวจเฝ้าบ้านหลังดังกล่าวไว้ตลอด 24 ชม. เพื่อกันการเข้ามาทำลายหรือเคลื่อนย้ายหลักฐานอื่น ๆ

ด้านนางเอื้อน เกิดทรัพย์ อายุ 60 ปี มารดาของ น.ส.อรษา ที่หายตัวไป กล่าวว่า
 
หลังจากทราบข่าวจากหน้าหนังสือพิมพ์ก็รีบเดินทางจาก จ.เพชรบุรี เพื่อดูรถที่ลูกสาวนั่งมากับลูกเขยและหายตัวไป ตนยืนยันว่ารถคันดังกล่าวเป็นรถของลูกสาวจริง ในวันเกิดเหตุตนไม่อยู่บ้าน แต่ทราบว่าลูกสาวและลูกเขยเข้ามาตัดต้นกระถินในไร่ของลูกสาวคนโต ที่มีที่ดินอยู่ติดกับที่ของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ก่อนจะหายตัวไป พบเพียงกองไม้ต้นกระถินที่ตัดไว้ โดยมีเพื่อนบ้านที่เห็นเหตุการณ์เล่าให้ฟังว่า ลูกสาวและลูกเขยถูกคนจับตัวขึ้นรถออกไป จึงรีบเข้าแจ้งความที่ สภ.ท่าไม้รวก จากนั้นทางตำรวจได้รับการติดต่อจาก นายสุเทพ เลาหะวัฒนะ พี่ชายของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ว่าจะเดินทางมาให้ข้อมูลที่ สภ.เมืองนนทบุรี แต่ได้เกิดเปลี่ยนใจในภายหลัง โดยนายสุเทพได้นัดให้ตำรวจ สภ.เมืองนนทบุรี ไปสอบปากคำเป็นการส่วนตัวที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ภายในห้างเซ็นทรัลพระราม 3

ต่อมาทาง พ.ต.อ.ชาญศิริ สุขรวย ผกก.สภ.เมืองนนทบุรี ได้เดินทางไปสอบปากคำพยานบุคคลปากสำคัญรายหนึ่ง

คาดว่าคือ นายสุเทพ เลาหะวัฒนะ พี่ชายของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ซึ่งเป็นผู้ที่ให้เบาะแสว่าพบรถกระบะของนายสามารถ หลังจากใช้เวลาสอบปากคำประมาณ 1 ชั่วโมง พ.ต.อ.ชาญศิริ ได้ออกมาเปิดเผยว่า ในวันนี้ได้ขออนุมัติหมายค้น เข้าตรวจค้นบ้านร้างหลังที่พบรถกระบะของนายสามารถอีกครั้ง ก็พบหลักฐานสำคัญส่วนหนึ่ง ซึ่งต้องรอให้ทางเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานทำการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งว่าเกี่ยวข้องกับคดีหรือไม่ อย่างไรก็ดี ในช่วงเช้าของวันที่ 18 ก.ย. จะนำกำลังเข้าตรวจค้นบ้านอีก 1 หลังซึ่งอยู่ในรั้วเดียวกันอย่างละเอียดว่าจะพบหลักฐานเพิ่มเติมหรือไม่

ผกก.สภ.เมืองนนทบุรี กล่าวอีกว่า สำหรับพยานคนที่แจ้งเบาะแสให้ทราบถึงเรื่องรถกระบะนั้น

เบื้องต้นเจ้าตัวให้การว่า รู้เรื่องเพราะได้รับการบอกเล่ามาอีกทอดหนึ่ง ซึ่งหลังจากนี้จะให้ชุดสืบสวนไปตรวจสอบว่า พยานคนดังกล่าวนั้นทราบเรื่องมาจากใคร ทำไมถึงบอกพิกัดได้ถูกต้องว่ารถจอดอยู่ในบ้านร้างหลังนี้ ส่วนรถกระบะคันดังกล่าวนั้นเข้ามาจอดอยู่ที่บ้านตั้งแต่เมื่อไร จากนั้นทาง สภ.เมืองนนทบุรี จะทำการรวบรวมพยานหลักฐานให้ได้มากที่สุด เพื่อส่งต่อให้ทาง สภ.ท่าไม้รวก ดำเนินการต่อไป

ในวันเดียวกัน อีกด้านหนึ่ง นายสว่าง นุ่มจุ้ย อายุ 55 ปี พร้อมด้วย น.ส.วิมล นุ่มจุ้ย อายุ 34 ปี พี่สาวของนายสามารถ

ได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.ชิ้น ช่อมาลี พนักงานสอบสวน สภ.ท่าไม้รวก เจ้าของคดี เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติม และเร่งรัดให้ทางเจ้าหน้าที่เร่งสืบสวนหาศพของลูกชายและลูกสะใภ้ให้พบ เพื่อนำกลับไปบำเพ็ญกุศลตามพิธีทางศาสนา โดย น.ส.วิมล เปิดเผยว่า ปัจจุบันทำงานเป็นเจ้าหน้าที่นักสถิติ ระดับ 3 แผนกกลุ่มอายุรกรรม รพ.ตำรวจ ก่อนที่จะพบรถกระบะของน้องชาย นายสุเทพ เลาหะวัฒนะ อายุ 63 ปี พี่ชายของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ แพทย์ รพ.ตำรวจ ได้บอกกับตนว่า มีคนพบรถของน้องชายจอดอยู่ที่บ้านหลังดังกล่าว ซึ่งบ้านหลังนี้มีความเกี่ยวข้องกับ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ จึงเดินทางไปดู เมื่อพบว่าเป็นรถของน้องชายตน จึงรีบโทรศัพท์ไปบอกบิดา

น.ส.วิมล กล่าวอีกว่า สาเหตุที่ นายสุเทพ นำเรื่องรถยนต์มาบอก เนื่องจาก นายสุเทพ กับ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ มีปัญหาฟ้องร้องกันเรื่องมรดกอยู่

โดย พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ได้ขอให้ตนช่วยเป็นพยานต่อศาลเรื่องการดูแลมารดา พอ นายสุเทพ ทราบเรื่องจึงโทรศัพท์มาคุยกับตน กระทั่งทราบเรื่องของน้องชายและน้องสะใภ้ที่หายตัวไป นายสุเทพจึงโทรฯไปสอบถามแหล่งข่าวรายหนึ่งและบอกเบาะแสเรื่องรถกระบะให้ฟัง ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ได้พยายามโทรศัพท์ติดต่อเพื่อสอบถามเรื่องดังกล่าวจาก พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ โดย พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ได้รับสายพร้อมกับบอกว่าให้ติดต่อมาพูดคุยกันอีกครั้งในช่วงเย็น
เนื่องจากยังติดธุระ แต่เมื่อผู้สื่อข่าวโทรศัพท์กลับไปอีกครั้งปรากฏว่าไม่สามารถติดต่อได้แล้ว

ด้าน พ.ต.อ.พิชัย ปกป้อง ผกก.สภ.ท่าไม้รวก กล่าวว่า

เบื้องต้นตำรวจได้บันทึกคำให้การ เพื่อดูว่ามีข้อมูลพยานหลักฐานเพิ่มเติมในจุดไหนบ้าง ถ้ามีส่วนไหนในคดีเกี่ยวพันในท้องที่ สภ.ท่าไม้รวก ก็จะดำเนินการอย่างเต็มที่ แต่ในส่วนที่ครอบครัวของนายสามารถ อ้างว่า ศพของทั้งสองคนอาจถูกฝังอยู่ในไร่ของนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่คนหนึ่งนั้น ทางเจ้าหน้าที่ต้องขอเวลารวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อขออำนาจศาลในการออกหมายค้น เพื่อเข้าค้นหาศพต่อไป ขณะที่ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับจุดที่ถูกอ้างว่าเป็นที่ฝังร่างของทั้งคู่นั้นพบว่า เป็นบริเวณใต้กอไผ่ ภายในฟาร์มเลี้ยงสัตว์ขนาดใหญ่ ติดริมแม่น้ำเพชร มีโรงเรือนสำหรับเลี้ยงสัตว์ และอยู่อาศัย จำนวน 1 หลัง นอกจากนี้ยังมีบ้านพักอยู่กลางไร่อีกด้วย

ส่วนที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ต. ปิยะ อุทาโย โฆษก ตร. กล่าวถึงการหายตัวไปของ นายสามารถ นุ่มจุ้ย และ น.ส.อรษา เกิดทรัพย์ ว่า
 
ต้องดำเนินการไปตามพยานหลักฐาน อย่างไรก็ตามสำหรับข้อสงสัยที่ญาติระบุว่าสองสามีภรรยาจะกลายเป็นศพและถูกหมกอยู่ในที่ดินของ พ.ต.อ.รายหนึ่งนั้น ก็ต้องมีหลักฐาน โดยพนักงานสอบสวนจะรวบรวมและเสนอศาลพิจารณาออกหมายค้นต่อไป รายงานข่าวแจ้งว่า นายตำรวจคนดังกล่าวที่ถูกพาดพิง ได้เข้าโครงการสมัครใจลาออกก่อนเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 ก.ย.นี้ ทั้งนี้ทางต้นสังกัดของตำรวจนายดังกล่าวได้รับทราบแล้ว แต่ยังไม่มีการดำเนินการใด ๆ เนื่องจากยังไม่มีพยานหลักฐานใดที่เชื่อได้ว่าเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้.

เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์