ศูนย์ข่าวขอนแก่น - ผบช.ตร.ภูธรภาค 4 พร้อมด้วย ผบ.มฑบ.23 นำทีมเจ้าหน้าที่ตรวจสอบห้างเซ็นโทซ่าหลังถูกเพลิงไหม้เมื่อคืนที่ผ่านมา เผยผลตรวจเบื้องต้นไม่ใช่ฝีมือคลื่นใต้น้ำหรือไฟฟ้าลัดวงจร เพราะห้างเพิ่งเปลี่ยนซ่อมระบบไฟภายในใหม่หลังไฟไหม้รอบแรกเมื่อ 4 เดือนที่แล้ว เจ้าของปฏิเสธไม่ใช่เผาเอาประกัน ได้ไม่คุ้มเสีย
รุดสอบเพลิงไหม้ เซ็นโทซ่า - เจ้าของยันไม่ใช่ไฟฟ้าลัดวงจร
จากกรณีเกิดเหตุไฟไหม้ห้างสรรพสินค้าเซ็นโทซ่า
บนถนนกลางเมือง ตรงข้าม สภ.อ.เมืองขอนแก่น เมื่อเวลาประมาณ 20.45 น.เมื่อคืนที่ผ่านมา โดยไฟได้เริ่มลุกไหม้บริเวณชั้น 3 ของอาคาร เจ้าหน้าที่ใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 3 ชั่วโมงจึงสามารถควบคุมเพลิงได้ อาคารของห้างได้รับความเสียหายชั้น 3 ทั้งหมด และ ชั้น 2 บางส่วน เบื้องต้นยังไม่สามารถสรุปสาเหตุของการเกิดเหตุเพลิงไหม้ครั้งนี้ได้
ภายหลังควบคุมเพลิงได้แล้ว
เจ้าหน้าที่ได้สั่งห้ามไม่ให้ใครเข้าไปในบริเวณห้างและปิดถนนกลางเมือง บริเวณด้านหน้าห้างเป็นการชั่วคราว เพราะหวั่นว่าตัวอาคารจะทรุดพังลงมา
ล่าสุด
เมื่อเวลาประมาณ 10.30 น.วันนี้(10 ก.พ.) พล.ต.ท.ศุภวุฒิ สังข์อ่อง ผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 4 พลตรีจิโรจน์ ศิริวัฒนา ผบ.มฑบ.ที่ 23 จังหวัดขอนแก่นและผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่นพร้อมเจ้าหน้าที่ได้เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ โดยพบว่าอาคารได้รับความเสียหายค่อนข้างมาก
สำหรับสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้
นางกุลสุนีย์ อนันทนสกุล กรรมการผู้จัดการห้างเซ็นโทซ่า ยืนยันว่าเพิ่งทำการเปลี่ยนสายไฟใหม่ทั้งหมด หลังจากเคยเกิดเพลิงไหม้เมื่อ 4 เดือนที่ผ่านมา ที่บริเวณห้องเก็บของ ซึ่งครั้งนั้นเกิดจากสาเหตุสินค้าประเภทสเปรย์ ที่อยู่ในห้องเก็บของร้อนจนเกิดประจุไฟฟ้าเป็นเหตุให้เกิดเพลิงไหม้ แต่เสียหายเล็กน้อย
นางกุลสุนีย์ กล่าวอีกว่า
ทางห้างฯ มีระบบเบรกเกอร์ และเซฟทีคัทอย่างดี โดยในเวลาปิดห้างทุกครั้ง ตนจะเป็นผู้ปลดเบรกเกอร์เพื่อหยุดการเดินไฟฟ้าทั้งห้างด้วยตนเองทุกครั้ง จึงมั่นใจว่าเพลิงไหม้ครั้งนี้ ไม่ได้เกิดจากไฟฟ้าลัดวงจรอย่างแน่นอน
ส่วนสาเหตุที่มีผู้ตั้งข้อสงสัยกรณีเผาเพื่อเอาประกัน นางกุลสุนีย์กล่าวยืนยันว่าเป็นไปไม่ได้ เนื่องจากกิจการของตนไปได้ดี มีลูกค้าจำนวนมากอยู่แล้ว อีกทั้งหากเผาเพื่อเอาประกันจะได้ไม่คุ้มเสีย อีกทั้งขณะนี้ได้ตรวจสอบความเสียหายของตน พบว่า เพลิงได้ทำลายส่วนสำนักงานที่ชั้น 3 ทั้งหมด สต็อกสินค้าประเภทกระดาษ น้ำยา โลชั่น เครื่องสำอางแบรนด์เนมที่เพิ่งนำมาลงใหม่มูลค่าหลายแสนบาท และเสื้อผ้าเด็ก
รวมทั้งเครื่องคอมพิวเตอร์ในสำนักงานที่มีระบบข้อมูลลูกค้าประเภทเครดิต
ซึ่งรวมรายการหนี้ที่ลูกค้าค้างชำระรวมกว่า 10 ล้านบาท ตลอดจนเงินสดและทรัพย์สินส่วนตัวในตู้เซฟ 2 ตู้ รวมมูลค่ากว่า 2 ล้านบาท และอาคารชั้น 3 ถูกเพลิงทำลายทั้งหมด ประเมินเบื้องต้นคาดว่าจะเสียหายกว่า 70 80 ล้านบาท
ห้างเซ็นโทซ่าทำประกันภัยกับ 2 บริษัท
คือบริษัทไทยประกันชีวิต และบริษัทแฮมเชอร์ รวมวงเงินประกันภัยประมาณ 80 ล้านบาท ส่วนประกันภัยตัวอาคารทางห้างต่อใบขออนุญาตกับกรมธนารักษ์ โดยมีประกันภัยตัวอาคารราชพัสดุกับบริษัททิพยประกันภัย ซึ่งทั้งหมดต้องรอให้บริษัทประเมิน มาตรวจสอบความเสียหาย แต่ขณะนี้ยังไม่มีบริษัทใดติดต่อเพื่อเข้ามาทำการประเมินความเสียหาย
ขณะที่พล.ต.ท.ศุภวุฒิ สังข์อ่อง เปิดเผยภายหลังตรวจสถานที่เกิดเหตุว่า
ขณะที่พล.ต.ท.ศุภวุฒิ สังข์อ่อง ผบช.ตร.ภูธรภาค 4 เปิดเผยภายหลังตรวจสถานที่เกิดเหตุว่าจากการประเมินความเสียหายเบื้องต้นคาดว่า ไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท แต่ต้องรอเจ้าหน้าที่บริษัทประกันภัย มาทำการประเมินมูลค่าความเสียหายอีกครั้ง
ในด้านการสืบสวนสอบสวน
เจ้าหน้าที่ได้เร่งดำเนินการ โดยคาดว่าจะใช้เวลาไม่เกิน 7 วัน ซึ่งจากวันนี้ทุกส่วนทั้งตำรวจ ทหาร จังหวัด และเทศบาลนครขอนแก่น จะประชุมร่วมกันเพื่อประเมินผลการทำงาน ตั้งแต่ในคืนเกิดเหตุ และติดตามผลการสืบสวนสอบสวน และได้กำชับห้างสรรพสินค้าทุกแห่งในจังหวัดขอนแก่น ให้เพิ่มความระมัดระวังโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจจะส่งกำลังเพื่อช่วยเฝ้าระวังด้วย
ส่วนกรณีจะเป็นกลุ่มคลื่นใต้น้ำหรือไม่
ผบช.ตร.ภูธรภาค 4 กล่าวว่าไม่น่าเป็นไปได้ อย่างไรก็ตามต้องรอผลการตรวจพิสูจน์หลักฐาน จากเจ้าหน้าที่วิทยาการกองพิสูจน์หลักฐานเสียก่อน เพราะมีคนคาดเดาสาเหตุไปหลายอย่าง
ขอขอบคุณ
ข้อมูลที่มีคุณภาพ
จาก หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ