เมื่อวันที่ 10 ก.ย. พล.ต.ต.นรศักดิ์ เหมนิธิ ผู้บัญชาการกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ผบก.ปทส.)
นำกำลังพร้อมหมายศาลจังหวัดธัญบุรีเข้าตรวจค้น ข้าจับกุมผู้ต้องหาลักลอบเลี้ยงสัตว์สงวนไว้ในอพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่งในปทุมธานี โดยอพาร์ทเม้นท์ดังกล่าวสูง 5 ชั้น บนดาดฟ้ามีการติดตั้งลูกกรงเหล็กเป็นกรงเลี้ยงเสือโคร่ง 3 กรง จำนวน 6 ตัว เป็นตัวผู้ 5 ตัว ตัวเมีย 1 ตัว โดยมีนายสุรศักดิ์ บุญเทียนทอง อายุ 29 ปี เจ้าของอาคาร รับเป็นเจ้าของเสือโคร่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประสานให้เจ้าหน้ากรมสัตว์ป่าและพันธุ์พืชจังหวัดราชบุรี มารับเสือโคร่งไปตรวจหาดีเอ็นเอว่ามาจากที่ใด พร้อมดำเนินคดี นายสุรศักดิ์ ตามที่เสนอข่าวไปนั้น
คืบหน้าเมื่อเวลา 21.00 น. วันที่ 10 ก.ย. ทางด้าน พล.ต.ต.นรศักดิ์ กล่าวว่า สืบเนื่องมาจากทางเจ้าหน้าที่ได้จับกุมนายอ๊อด
ในข้อหาเกี่ยวกับการค้าขายสัตว์ จากนั้นได้ขยายผลจนพบว่ารับเสือมาอีกทอดจากนายอุดมศักดิ์ฯ ที่อ.แก่งคอย จ.สระบุรี และจากแนวทางการสืบสวนทราบพบว่า เมื่อเดือนที่แล้วได้มีการขายเสือออกต่างประเทศ จำนวน 1 ตัว และเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มีการขายออกไปที่ประเทศเวียดนามจำนวน 4 ตัว กระทั่งพบว่ามีการลักลอบเลี้ยงเสือโคร่งไว้ที่อพาร์เมนท์ดังกล่าว จึงได้ขอหมายค้นเข้าตรวจสอบจนพบเสือโคร่ง จำนวน 6 ตัวดังกล่าว ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูลพบว่าการเพาะพันธุ์เสือเองถือเป็นความผิด ซึ่งไม่ได้รับอนุญาตให้มีการเพาะพันธุ์เสือ
พล.ต.ต.นรศักดิ์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ส่วนใหญ่มักจะมีการลักลอบเพาะพันธ์เสือเลี้ยงกัน
เนื่องจากหากเสืออายุ 2 ปี ส่งขายต่างประเทศจะได้ราคาตัวละประมาณ 6 แสน – 1 ล้านบาท ,กระดูกเสือ กิโลกรัมละ 30,000-50,000 บาท เสือ 1 ตัว กระดูกหนักประมาณ 60 กิโลกรัม ส่วยอวัยวะอื่น ๆ ก็จะสามารถขายได้อีกราคา ส่วนใหญ่จะนำไปทำยาประเทศจีน จึงทำให้มีผู้ลักลอบเลี้ยงเพาะพันธุ์กันจำนวนมาก ซึ่งถือเป็นความผิดตามพรบ.ของการมีสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยทางพนักงานสอบสวนจึงได้ทำการอายัดเสือโคร่งทั้งหมดไว้และส่งดีเอ็นเอของเสือทั้ง 6 ตัวตรวจสอบอย่างละเอียด พร้อมทั้งนำเสือโคร่งทั้ง 6 ตัว ส่งมอบให้กับทางเจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เพื่อดูแลรักษาสุขภาพของเสือให้แข็งแรง สำหรับการเตรียมปล่อยกลับสู่ธรรมชาติต่อไป.