ควายเผือก ชื่อ"บุญมา" ซึ่งน.ส.นันทวรรณ เทพรักษา อาจารย์อัตราจ้างสอน คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฎอุตรดิตถ์
หลานสาวของ นายชัยศิริ ศุภรักษ์จินดา นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) อุตรดิตถ์ ทำงานอยู่ที่สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ได้กลับมาเยี่ยมครัวครัวที่ชุมชนท่าเสา เขตเทศบาลเมืองอุตรดิตถ์ มาพบควายบุญมาด้วยความบังเอิญ ขณะเจ้าของใส่รถบรรทุกจาก จ.แพร่ นำไปซื้อขายที่ตลาดซื้อขายตลาดวัวควายน้ำอ่าง อ.ตรอน จ.อุตรดิตถ์ เห็นว่าเป็นควายเผือกจึงติดต่อขอซื้อมาในราคา 8,000 บาท ซึ่งตอนนั้นอายุเพียง 1 ปี และเลี้ยงไว้ราว 3 ปีก็นำไปบริจาคให้ศูนย์อนุรักษ์กระบือไทย มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ เพื่อให้เลี้ยงดูต่อ เมื่อปี 2552
ล่าสุดเจ้าบุญมา ควายเผือก ได้หายไปจากศูนย์อนุรักษ์กระบือไทย มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ โดยน.ส.นันทวรรณ ออกติดตามหา จนทราบข่าวมาว่า ควายบุญมาถูกเชือดไปแล้ว จึงเรียกร้องให้ ผู้รับผิดชอบศูนย์อนุรักษ์กระบือไทย มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ ชี้แจงข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร
ขณะที่นายวิรัตน์ จำนงรัตน์พัน ผู้ช่วยอธิการบดี มหาวิทยาลัยราชภัฎอุตรดิตถ์ ผู้รับผิดชอบศูนย์อนุรักษ์กระบือไทย มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ แจ้งว่า
น.ส.นันทวรรณ ได้นำควายบุญมา มามอบให้กับมหาวิทยาลัยราชภัฎอุตรดิตถ์จริง โดยไม่มีเงื่อนไขอะไร และถือว่าเป็นสมบัติของมหาวิทยาลัยฯ จึงนำไปเลี้ยงที่ศูนย์มหาวิทยาลัยฯทุ่งกะโล่ ต.ป่าเซ่า อ.เมืองอุตรดิตถ์รวมกับฝูงในศูนย์อนุรักษ์กระบือไทย ตั้งแต่นำมาเลี้ยงต้องจ้างคนงานเลี้ยงพิเศษเพราะเป็นควายที่ไม่ธรรมดา ชอบหลุดไปขวิดตัวอื่น
นายวิรัตน์ กล่าวว่า คนเลี้ยงมาบอกว่าจะนำควายบุญมาแลกกับชาวบ้าน ประกอบกับชาวบ้านนำควายตัวเมีย 2 ตัวมาแลกควายบุญมาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบ
แต่ทราบว่าถูกแลกไปแล้ว เมื่อมีการแลกกันไปแล้วในฐานะที่รับผิดชอบศูนย์ฯจะปฏิเสธไม่ได้ว่าไม่รู้เรื่อง แต่ต่อมาเจ้าของที่นำมามอบให้มหาวิทยาลัยฯ แจ้งว่าอยากเห็นควายและอยากได้ควายบุญมาคืน จึงติดตามตามสถานที่ซื้อขายต่าง ๆก็ตามไม่เจอ และล่าสุดไม่รู้ว่าควายบุญมาอยู่ที่ไหนด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากเกิดเรื่องนี้มาอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฎอุตรดิตถ์ และกำลังเสนอเรื่องให้อธิการฯมอบให้งานนิติการสอบสวนข้อเท็จจริงแล้ว