ตำรวจ สน.ตลิ่งชัน แถลงข่าวจับกุมคนร้ายซิ่งจยย.ตระเวนล่าเหยื่อ ที่วางของมีค่าไว้หน้ารถจยย.ของตนเอง โดยทรัพย์สินที่ได้จะนำไปขายเพื่อใช้ในการซื้อยาเสพติด
เมื่อเวลา 00.45 น. วันที่ 24 ส.ค.พ.ต.ท.วิเชียร แสงพิทักษ์ รอง ผกก.ป.สน.ตลิ่งชัน
พร้อมเจ้าหน้าที่ร่วมกัน แถลงข่าวจับกุมนายรุ่งโรจน์ ยอดเงิน อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 47/16 หมู่ที่ 1 ต.บางกร่าง อ.เมือง จ.นนทบุรี พร้อมของกลาง กระเป๋าถือแบบผู้หญิงจำนวน 10 ใบ แผ่นป้ายทะเบียน ษงก- 916 กรุงเทพมหานคร สบง-242 กรุงเทพมหานคร โทรศัพท์มือถือยี่ห้อไอโฟน 1 เครื่อง รถจยย.ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นมีโอ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน สีดำแดง เสื้อ จยย.รับจ้าง สีส้ม ด้านหลังปักเบอร์ 20 วินปากซอยลิขิต 2 (ถนนศรีอยุธยา-ถนนพิษณุโลก) อุปกรณ์การเสพยาบ้า 1 ชุด โดยจับกุมได้ที่บ้านเลขที่ดังกล่าว
พ.ต.ท.วิเชียร กล่าวว่า การาจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากผู้เสียหายถูกคนร้ายวิ่งราวทรัพย์ขณะกำลังขับรถจยย. บริเวณหน้าปั้ม ปตท.ถนนถนนกัลปพฤกษ์
โดยคนร้ายได้ขับรถจยย.เข้ามาประกบก่อนที่คนร้ายจะหยิบกระเป๋าถือแบบผู้หญิงที่วางอยู่หน้ารถ จยย.ไป ซึ่งภายกระเป๋าดังกล่าวนั้นมีโทรศัพท์ยี่ห้อไอโฟน ทางผู้เสียหายจึงเปิด จีพีเอส เพื่อทำการติดตามจึงทราบว่าคนร้ายนั้นหลบหนีอยู่ที่บ้านที่ถูกจับกุม จากนั้นทางผู้เสียหายได้เข้ามาแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ตลิ่งชัน ให้ช่วยติดตามคนร้ายกระทั่งติดตามตัวได้ดังกล่าว
จากการสอบสวนนายรุ่งโรจน์ สารภาพว่า ตนได้ก่อเหตุมาแล้ว 3 ครั้ง
เมื่อได้ทรัพย์สินมาก็จะนำไปขายเพื่อใช้ในการซื้อยาเสพติดและใช้ส่วนตัว นอกจากนี้ยังแบ่งเงินดังกล่าวให้แม่ใช้ด้วย และทุกครั้งที่ก่อเหตุก็จะสวมเสื้อจยย.รับจ้าง ทุกครั้ง ทั้งนี้ก็เพื่อให้ยากในการติดตามตัว สำหรับเสื้อ จยย.รับจ้างตัวนี้ตนเอามาจากโต๊ะสนุ๊กเกอร์แถวบ้านโดยมีคนมาลืมทิ้งไว้
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาวิ่งราวทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะก่อนจะนำตัวดำเนินคดีต่อไปอีกรายเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ตลิ่งชัน
สามารถจับกุมตัวนายสิทธิโชค จันทร อายุ 30 ปี พร้อมของกลางอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ จำนวน 1 กระบอก หลังได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่ามีชายต้องสงสัยว่าจะพกพาอาวุธปืน อยู่บริเวณสถานีรถไฟสถานีตลิ่งชัน แขวงฉิมพลี เขตตลิ่งชัน จึงนำกำลังไปตรวจสอบพบนายสิทธิโชค อยู่ในอาการเมาสุราพูดจาไม่รู้เรื่อง จึงคุมตัวมาที่ สน.ตลิ่งชัน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาครอบครองอาวุธปืนซึ่งไม่สามารถออกทะเบียนให้ได้ (ปืนเถื่อน) พกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตก่อนจะนำตัวดำเนินคดีต่อไป