ปศท.จับตลับลูกปืนปลอมกว่า 3 แสน

ตัวแทนจำหน่ายตลับลูกปืนแจ้ง ปศท.กวาดล้างผู้ค้าส่งตลับลูกปืนปลอมได้ของกลางเพียบ มูลค่าร่วมครึ่งล้าน ตัวแทนจำหน่ายลั่นร่วมมือตำรวจกวาดล้างของปลอมเพื่อสร้างความมั่นใจกลุ่มลูกค้า

เมื่อวันที่ 5 ก.พ.ที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทรงกลด โลหะศิริ สว.กก.1 บก.ปศท. พร้อมตัวแทนบริษัท เอสเคเอฟ (ประเทศไทย) นำกำลังเข้ากวาดล้างผู้ค้าส่งอะไหล่รถยนต์ ประเภทตลับลูกปืนปลอม ยี่ห้อ เอสเคเอฟ โดยยึดของกลางตลับลูกปืนปลอมได้จำนวนกว่า 800 ชิ้น พร้อมกับกล่องกระดาษบรรจุผลิตภัณฑ์ตลับลูกปืนปลอม และสติกเกอร์ที่ใช้ในการประกอบการกระทำความผิด มูลค่ารวมกันทั้งหมดกว่า 300,000 บาท โดยเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาละเมิดเครื่องหมายการค้า มีอัตราโทษปรับสูงสุด 400,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 4 ปี

โดยตัวแทนบริษัท เอสเคเอฟ (ประเทศไทย) กล่าวว่า เหตุการณ์นี้เป็นครั้งแรกที่บริษัท เอสเคเอฟ (ประเทศไทย) ผู้นำตลาดซึ่งเป็นผู้จำหน่ายตลับลูกปืนส่วนใหญ่ในตลาดไทยได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจค้นจับกุมผู้ละเมิดลิขสิทธิ์ในประเทศไทย หลังจากการดำเนินการในครั้งนี้ บริษัท เอสเคเอฟ (ประเทศไทย) จะยังคงรณรงค์เพื่อต่อต้านการแพร่ระบาดของตลับลูกปืนปลอมในประเทศไทย และตามด่านศุลกากรต่างๆ ต่อไป

ทั้งจะดำเนินการทางกฎหมายอย่างจริงจังเพื่อนำตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษตามกฎหมาย และเพื่อให้แน่ใจว่าสินค้าปลอมจะหมดไปจากตลาดไทย อันเป็นหลักประกันว่าลูกค้าของบริษัทสามารถเชื่อถือในคุณภาพของผลิตภัณฑ์ภายใต้ตราสินค้า SKF ได้

เราขอย้ำว่า ลูกค้าทุกรายควรซื้อผลิตภัณฑ์ SKF จากตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น เพื่อให้มั่นใจว่าตนได้รับชิ้นส่วนที่แท้จริง ซึ่งอยู่ภายใต้การรับประกันและการให้บริการของบริษัท ตัวแทนของบริษัท เอสเคเอฟ (ประเทศไทย) กล่าว

ตัวแทนบริษัท เอสเคเอฟ (ประเทศไทย) เปิดเผยอีกว่า ทางบริษัทต้องอาศัยความร่วมมือจากตำรวจในการกำจัดตลาดสินค้าปลอม โดยตลับลูกปืนปลอมนั้นเป็นอันตรายทั้งต่อเครื่องจักร-เครื่องยนต์ของผู้บริโภคและตัวผู้บริโภคเอง เนื่องจากขาดการควบคุมคุณภาพ ทั้งนี้ บริษัท ติลลิกี แอนด์ กิบบินส์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ซึ่งเป็นที่ปรึกษากฎหมายของเอสเคเอฟ (ประเทศไทย) มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าดำเนินการตรวจค้นจับกุมดังกล่าวโดยตระหนักว่าผู้บริโภคอาจถูกหลอกลวงเกี่ยวกับแหล่งกำเนิดและคุณภาพของผลิตภัณฑ์ต้องสงสัยเหล่านี้ได้ และทางบริษัทหวังว่าโครงการรณรงค์เพื่อต่อต้านผู้ผลิต ผู้ค้าปลีก ผู้ค้าส่ง และผู้นำเข้าสินค้าต้องสงสัยที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติจัดขึ้นจะยังคงมีอยู่ต่อไป