จับ พ.อ.(พิเศษ)เก๊!หลอกขายบัตรงานวิ่งการกุศล

ตำรวจนครบาล 2 จับทหารเก๊ อ้างตัวเป็น พันเอก(พิเศษ)ทัศนุ เส็งหลวง เตรียมทหาร รุ่น 21 หลอกเป็นตัวแทนของชมรมวิ่งเพื่อสุขภาพสนามธูปเตมีย์ ขายบัตรวิ่งการกุศล ตรวจประวัติพบ อาชีพเป็นยามและค้าขายเสื้อผ้าตามตลาดนัด สุดท้ายโดนข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน แต่งเครื่องแบบทหารโดยไม่มีสิทธิ์ ปลอมและใช้เอกสารราชการปลอมและใช้ตราสัญลักษณ์โดยไม่ได้รับอนุญาต

วันนี้(7ก.พ.)เมื่อเวลา 11.00 น.ที่ กองบังคับการตำรวจนครบาล 2(บก.น.2)พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน ผบก.น.2 พ.ต.อ.วิชัย สังข์ประไพ รอง ผบก.น.2 พ.ต.อ.จตุพันธ์ วรรณภักตร์ ผกก.สน.ดอนเมือง พ.ต.ท.ณรงค์เดช มูลศาสตรสาทร สว.สส.สน.ดอนเมือง และ น.ท.เธียร เทพานนท์ รอง ผบ.กองพัน สห.ทอ. ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมนายทัศนุ เส็งหลวง อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 238/20 ม.1 ต.บางแคเหนือ เขตบางแค และ น.ส.ณัฐกานต์ โหมดมา อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 24/2 ต.วังสำโรง อ.ตะพานหิน จ.พิจิตร

โดยจับกุมพร้อมของกลางเครื่องแบบนายทหารบกยศพันเอก(พิเศษ) 1 ชุด ชุดราตรีสโมสร 1ชุด เงินสด 103,800 บาท สมุดบัญชีธนาคารต่างๆ 6 เล่ม มีเงินรวมในบัญชี 171,049 บาท หางบัตรเดินวิ่งการกุศล ที่จำหน่ายไปแล้ว 13 เล่ม คิดเป็นบัตร 623 ใบ ใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ปลอม 1 ฉบับ รูปถ่ายติดบัตรในชุดนายทหารบก ยศพันเอก(พิเศษ) 6 ใบ และแฟ้มเอกสารเกี่ยวกับชมรมวิ่งเพื่อสุขภาพ จำนวน 1 เล่ม

พฤติกรรมของผู้ต้องหารายนี้ ตั้งแต่เมื่อปลายปี 49 ทั้งคู่ได้ไปติดต่อที่กองทัพอากาศและบริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน) เพื่อขอใช้พื้นที่จัดงานเดิน-วิ่งการกุศล โดยได้อ้างตัวเป็น พันเอก(พิเศษ)ทัศนุ เส็งหลวง เตรียมทหาร รุ่น 21 เป็นตัวแทน ของชมรมวิ่งเพื่อสุขภาพสนามธูปเตมีย์ และได้ร่วมกับชมรมวิ่งเพื่อสุขภาพ 331 แห่ง จัดแข่งขัน วิ่งชิงถ้วยพระราชทานจาก สมเด็จพระเทพ รัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี,พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองค์มนตรีและ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี และยังได้ขอกราบบังคมทูลเชิญ สมเด็จพระเทพฯ เสด็จมาเป็นองค์ประธานเปิดงาน ในวันอาทิตย์ที่ 11 ก.พ. ที่จะถึงนี้ด้วย

ผบก.น.2 กล่าวอีกว่า เมื่อนายทัศนุ ไปติดต่อที่การท่าฯ ก็จะอ้างว่าทางกองทัพอากาศให้การสนับสนุน และเมื่อไปคิดต่อที่กองทัพอากาศ ก็อ้างว่าได้รับการสนับสนุนจากการท่าฯ ทั้งนี้ทางกองทัพอากาศได้แต่ตั้ง น.ท.เธียร เทพานนท์ รอง ผบ.กองพัน สห.ทอ. เป็นผู้ประสานงาน โดยเมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา ได้มีการนัดประชุมผู้ที่เกี่ยวข้องรวมทั้ง ทางเจ้าหน้าที่ ตร.สน.ดอนเมือง ที่สโมสรการท่าอากาศยาน

โดยทางนายทัศนุ ได้แต่เครื่องแบบเต็มยศ เข้าร่วมประชุมด้วย แต่จากการประชุมและตรวจสอบเอกสาร ทำให้ทางเจ้าหน้าที่กองทัพอากาศ ไม่มั่นใจในความน่าเชื่อถือของ นายทัศนุ จึงยังไม่อนุมัติให้ใช้สถานที่จัดงาน หลังจากนั้นได้ดำเนินการตรวจสอบไปที่ทำเนียบรุ่น โรงเรียนเตรียมทหาร ก็พบว่าไม่มีชื่ออยู่ในรุ่นแต่อย่างใด

หลังจากที่ทางกองทัพอากาศ และการท่าฯไม่อนุมัติให้ใช้สถานที่จัดงานแต่ทางนายทัศนุ ยังมีการออกขายบัตรจากงานดังกล่าวอยู่อย่างต่อเนื่องโดยขายในราคาใบละ 200-300 บาท ทางกองทัพอากาศจึงได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ดอนเมือง จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ดำเนินการควบคุมตัวมาสอบสวน

โดยตอนแรกนายทัศนุให้การปฏิเสธ โดยอ้างว่าเป็นนายทหารรุ่น 21 จริงๆ แต่เมื่อสอบถามข้อมูลต่างๆ ก็ไม่สามารถตอบได้ ในที่สุดจึงยอมรับสารภาพว่าไม่ได้เป็นนายทหารแต่อย่างใด ก่อนหน้านี้มีอาชีพเป็นยามและค้าขายเสื้อผ้าตามตลาดนัด และเคยรับจ้างจัดงานเพื่อการกุศลให้กับทางชมรมต่างๆ ก่อนที่จะหันมาทำเองโดยอ้างชื่อชมรมต่างๆ ที่เคยทำงานให้แต่ไม่ได้นำเงินเข้าชมรมตามวัตถุประสงค์ที่แจ้งไว้แต่นำเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง

ขณะที่เจ้าหน้าที่เข้าจับกุมและพาไปค้นห้องพักย่านลำลูกกาพบเงินสด 1 แสนกว่าบาท นายทัศนุอ้างว่า จำหน่ายบัตรไปแล้วจำนวน 600 กว่าใบ เจ้าหน้าที่คาดว่า น่าจะมากกว่านั้น เนื่องจากตรวจสอบการโอนเงินเข้าบัญชีโดยรวมแล้วประมาณ 3 แสนบาท ซึ่งนายทัศนุรับว่าได้นำไปจ่ายเป็นค่าเสื้อยืดและค่าเหรียญที่ระลึกไปจำนวน 2 แสนจึงเหลือเงินสดติดตัวจำนวน 1 แสนกว่าบาท

พล.ต.ต.อำนวย กล่าวอีกว่า นอกจากนี้นายทัศนุยังรับสารภาพกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ได้แต่งตัวแอบอ้างเป็นนายทหารมาแล้วร่วม 10 ปีโดยครั้งแรกใช้ยศ พ.ต.ก่อนจะปรับเลื่อนยศด้วยตัวเองเป็นพ.อ.พิเศษ ส่วนสาเหตุที่อ้างว่าเป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 21 เพราะเคยไปออกกำลังกาย และรู้จักกับนายทหารรุ่นดังกล่าวที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับตนเองจึงได้แอบอ้างเพื่อความเชื่อถือ ฝากประชาชนที่หลงเชื่อและซื้อบัตรไปแล้วว่าไม่มีการวิ่งเพื่อการกุศลจริง ให้มาแจ้งความได้ที่ สน.ดอนเมือง

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาโดยกล่าวหาว่าร่วมกันฉ้อโกงประชาชน แต่เครื่องแบบทหารโดยไม่มีสิทธิ์ ปลอมและใช้เอกสารราชการปลอมและใช้ตราสัญลักษณ์โดยไม่ได้รับอนุญาต

ข้อมูลที่มีคุณภาพ
จาก หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ