ในปัจจุบันการจะย่างกรายออกจากบ้านหรือเดินทางไปไหนมาไหนแต่ละครั้ง
ต่างต้องระแวดระวังภัยใกล้ตัวที่อาจคืบคลานเข้ามาแบบไม่ให้ได้ทันตั้งตัว
ทั้งภัยจากการลักวิ่งชิงปล้น ที่หวังมุ่งประทุษร้ายต่อทรัพย์สิน
แต่ในบางครั้งใครจะไปคิดว่าการที่นั่งนอนอยู่ภายในบ้านพัก ก็อาจมีภัยไม่คาดคิดย่างกรายเข้ามาแบบไม่ให้รู้เนื้อรู้ตัวได้เช่นกัน
อย่างเหตุการณ์สยองขวัญที่เกิดขึ้นกลางเมืองราชบุรี
หลังมีเด็กหนุ่มวัยเพียง 16 ปี พักอาศัยอยู่ในบ้านของตัวเอง แต่กลับถูกกลุ่มคนร้ายบุกเข้ามาหวังชิงทรัพย์ถึงในบ้าน
ก่อนรุมทำร้ายร่างกายด้วยวิธีการที่โหดเหี้ยมและเลือดเย็น
ผ่าคดีสะเทือนขวัญ! โจรบุกบ้านปล้นโหด กดน้ำโจ๋16หมกถัง
จนสุดท้ายเด็กหนุ่มที่ไม่รู้อีโหน่ อีเหน่ต้องตกป็นเหยื่อของภัยสังคมไปอีกราย
เหตุระทึกขวัญครั้งนี้เกิดขึ้นช่วงบ่ายของวันที่ 27 ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันศุกร์สุดสัปดาห์ที่ใครหลายคนต่างเตรียมตัวไปเที่ยวพักผ่อนหรือเดินทางกลับบ้านพักในต่างจังหวัด
เช่นเดียวกับ นายทรงศักดิ์ เสาวัง อายุ 53 ปี หนุ่มใหญ่เมืองโอ่งที่มาทำงานในเมืองกรุงอยู่ที่กรมชลประทาน สามเสน
โดยจะเดินทางกลับบ้านพักในเมืองราชบุรีทุกสัปดาห์ เพื่อไปหาลูกชายที่อยู่บ้านตามลำพัง
ซึ่งในวันนี้ก็เหมือนทุกสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยนายทรงศักดิ์ได้เตรียมตัวเดินทางกลับบ้านพักตามปกติ
แต่เมื่อนายทรงศักดิ์พยายามโทรศัพท์ติดต่อไปหา นายชนาธิป เสาวัง อายุ 16 ปี ลูกชายที่อยู่บ้าน เพื่อไถ่ถามความเป็นอยู่ก่อนเดินทาง กลับพบความผิดปกติเกิดขึ้น
เพราะไม่ว่านายทรงศักดิ์จะพยายามโทรศัพท์ติดต่อหาลูกชายหลายต่อหลายครั้งกลับไม่มีสัญญาณตอบรับ
ทำให้ผู้เป็นพ่อรู้สึกเดือดเนื้อร้อนใจมากขึ้น รีบขับรถจากกรุงเทพฯ กลับไปยังบ้านพักตั้งอยู่เลขที่ 41/2 ม.3 ต.อ่างทอง อ.เมืองราชบุรี
เมื่อเดินทางมาถึงนายทรงศักดิ์ก็ยิ่งพบกับความผิดปกติมากขึ้นไปอีก หลังพบประตูหน้าบ้านถูกเปิดทิ้งไว้
นายทรงศักดิ์จึงรีบวิ่งเข้าไปตรวจสอบภายในบ้าน ก่อนต้องตกตะลึงเมื่อพบสิ่งของโดนรื้อค้นกระจัดกระจาย
โดยมีพระเครื่องและของมีค่าเล็กๆ น้อยๆ สูญหายไป
จากนั้นนายทรงศักดิ์ได้ตะโกนเรียกหาลูกชายจนลั่นบ้าน แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับกลับมา
ก่อนจะวิ่งตามหาลูกชายจนทั่ว แต่ก็ยังไร้วี่แวว
นายทรงศักดิ์จึงลองออกมาตามหาลูกชายบริเวณนอกบ้านแทน แต่ก็ยังไม่พบอีกเช่นเคย
จนกระทั่งเวลาล่วงเลยมาถึงช่วงกลางดึก นายทรงศักดิ์จึงตัดสินใจเข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.เมืองราชบุรี
จากนั้นไม่นานบรรดาเจ้าหน้าที่ตำรวจต่างรุดมาตรวจสอบบ้านที่เกิดเหตุ และช่วยกันค้นหานายชนาธิป
ทั้งบริเวณรอบบ้านและในป่ารกร้าง แต่ก็ไม่พบแม้แต่ร่องรอยอะไรทั้งสิ้น
ประกอบกับช่วงเวลาดังกล่าวเริ่มมืด ทำให้ยากแก่การค้นหา จึงตัดสินใจยุติการตรวจค้นลงชั่วคราว
ก่อนนายทรงศักดิ์และเจ้าหน้าที่ตำรวจจะมาเริ่มค้นหาลูกชายกันต่ออีกครั้งในช่วงเช้าของวันที่ 28 ก.ค.
ซึ่งทุกอย่างก็ยังคงไร้วี่แววและมืดมนอีกเช่นเคย
จนกระทั่งนายทรงศักดิ์เกิดเอะใจและลองคิดทบทวน ก่อนจะหันกลับไปเริ่มนับหนึ่งใหม่
ค้นหาจากจุดเริ่มต้นของเหตุการณ์ทั้งหมดคือ ภายในบ้านพัก
ขณะที่นายทรงศักดิ์ต่างวิ่งเข้าออกค้นหาห้องต่างๆ ภายในบ้านจนแทบทุกซอกทุกมุม ก็เกิดไปสะดุดกับห้องน้ำบริเวณชั้น 2 ของบ้าน เนื่องจากเป็นห้องที่ยังไม่ถูกเปิดออกตั้งแต่เกิดเหตุ
เมื่อนายทรงศักดิ์และเจ้าหน้าที่ตำรวจเปิดประตูออกมา หัวใจของผู้เป็นพ่อก็แทบจะมลายสูญ
หลังพบร่างลูกชายจมอยู่ในถังน้ำครึ่งตัวขาชี้ขึ้นฟ้า และภายในถังมีน้ำปนเลือดส่งกลิ่นเหม็นคลุ้งไปทั่ว
ก่อนเจ้าหน้าที่จะนำศพขึ้นมาตรวจสอบพบบาดแผลถลอกบริเวณขาและรอยช้ำตามร่างกาย
จากนั้นลองตรวจสอบรอบบ้านอีกครั้ง แล้วพบบริเวณป่ารกหลังบ้านมีรอยเท้าเปื้อนดินและปีนกำแพงข้ามมาในบ้าน
โดยนายทรงศักดิ์เล่าว่า ก่อนหน้านี้ที่บ้านเคยถูกคนร้ายแอบเข้ามาลักทรัพย์ถึง 4 ครั้ง แต่ไม่เคยลงมือทำร้ายใคร จนกระทั่งมาประสบเหตุครั้งนี้
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า มีคนร้ายไม่ต่ำกว่า 2 คน แอบลักลอบเข้ามาในบ้านพัก เพื่อหวังก่อเหตุลักทรัพย์
แต่ผู้ตายบังเอิญมาพบเห็นเหตุการณ์ คนร้ายจึงลงมือซ้อมทำร้ายร่างกายจนซี่โครงหักและม้ามแตก
ก่อนจับผู้ตายกดน้ำ เพื่อหวังฆ่าปิดปากในถังจนสิ้นใจ
โดยคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุอาจเป็นวัยรุ่นในพื้นที่