รวบ!หน.มาเฟีย1ใน5บัญชีดำยุโรป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 31 ก.ค. 55  ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ผบก.ป. พล.ต.ต.มณฑล เงินวัฒนะ ผู้บังคับการกองการต่างประเทศ (ผบก.ตท.) พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.วัชรพล ทองล้วน ผกก.5 บก.ป. ร่วมกับผู้แทนสถานทูตเบลเยียม ประจำประเทศไทย แถลงข่าวจับกุม นายมาร์ค เดอ ชัทเทอร์ (MARC DE SCHUTTER) อายุ 57 ปี สัญชาติเบลเยียม ตามหมายจับศาลอาญา ในความผิดฐานเป็นผู้ร้ายข้ามแดน พร้อมของกลาง เครื่องคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค 2 เครื่อง โทรศัพท์มือถือ อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ และเอกสารต่างๆ 3 แฟ้ม โดยจับกุมได้ที่ หน้าบ้านเลขที่ 77/7 ถ.ไสยวน ซ.สามัคคี 2 ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต เมื่อวันที่ 30 ก.ค.ที่ผ่านมา

พล.ต.ต.สุพิศาล กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้เนื่องจาก พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร.

ได้รับการปะสานจากสถานทูตเบลเยียม และสำนักงานอัยการสูงสุด ให้ช่วยติดตามจับกุม นายมาร์ค ซึ่งเป็นอาชญากรข้ามชาติ และเป็นมาเฟียที่กระทำความผิดในคดีสำคัญในประเทศเบลเยียมหลายคดี ทั้งคดีฆาตกรรมและคดีที่เกี่ยวข้องกับการเงิน โดยมีหมายจับของทางตำรวจเบลเยี่ยม ซึ่งหลบหนีมาอาศัยอยู่ในประเทศไทย จึงได้ประสานงานร่วมกับหลายหน่วยงาน ก่อนมีการออกหมายจับผู้ต้องหารายนี้ ต่อมาวันที่ 28 ก.ค.ที่ผ่านมา ชุดสืบสวนทราบว่า ผู้ต้องหาหลบหนีมาอาศัยอยู่ในพื้นที่ ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต จึงวางแผนนำกำลัง ร่วมกับตำรวจท้องที่ ติดตามจับกุมผู้ต้องหา แต่ครั้งแรกไม่พบตัว เนื่องจากผู้ต้องหาเปลี่ยนที่พักอาศัย กระทั่งเมื่อวันที่ 30 ก.ค.จึงพบผู้ต้องหาที่บ้านพักหลังดังกล่าว และสามารถจับกุมตัวไว้ได้ เบื้องต้นทราบว่าหลังจากผู้ต้องหารายนี้ก่อคดีในประเทศตนเองแล้วได้หลบหนีไปอาศัยอยู่ในหลายประเทศ โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 15 มิ.ย.ที่ผ่านมา ได้เดินทางมาจากประเทศสิงคโปร์ โดยถือหนังสือเดินทาง หมายเลข อีเอช 976320 เข้ามาอาศัยอยู่ใน จ.ภูเก็ต 

         
ผบก.ป.กล่าวต่อว่า ผู้ต้องหารายนี้เป็นเครือข่ายองค์กรอาชญากรรมคนสำคัญที่ทางการเบลเยียมต้องการตัวมากที่สุดเป็นอันดับ 1 และเป็น 1 ใน 5

ที่อยู่ในบัญชีดำของสหภาพยุโรปต้องการตัว โดยผู้ต้องหารายนี้พัวพันกับคดีสำคัญในประเทศเบลเยียมหลายคดี ทั้งคดีลักทรัพย์ ฉ้อโกง ฆาตกรรมภรรยาตัวเองแล้วซ่อนเร้นศพ ลักลอบขนถ่ายยาเสพติด สินค้าผิดกฎหมาย เช่น น้ำมัน บุหรี่ อาวุธสงคราม ฟอกเงิน และคาสิโน นอกจากนี้ ยังมีเครือข่ายเชื่อมโยงกับมาเฟียประเทศอิตาลี อิสลาเอล เนเธอแลนด์ ไอร์แลนด์ และอัลเมเนีย

         
"สำหรับพฤติการณ์ของผู้ต้องหานั้นเกี่ยวพันกับการค้าสิ่งผิดกฎหมายที่ลักลอบนำเข้าจากภายนอกประเทศเบลเยียม มีการฟอกเงินที่ได้จากการกระทำความผิดในประเทศอิสราเอล และอีกหลายประเทศ รวมทั้งคดีฉ้อโกงทรัพย์โรงงานน้ำมันรายใหญ่แห่งหนึ่ง จนศาลมีคำสั่งปรับเป็นเงิน 20 ล้านยูโร นอกจากนี้เมื่อ 15 ปีก่อน ผู้ต้องหาได้ฆ่าอดีตภรรยาตัวเองแล้วนำศพไปซ่อนไว้ ซึ่งครั้งนั้นผู้ต้องหาได้รับความช่วยเหลือจากนายตำรวจระดับสูงในประเทศเบลเยียม จึงสามารถหลบหนีคดีมาได้ นอกจากนี้ นายมาร์ค ยังครอบครองคฤหาสน์หรูที่แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา และเบลเยียม โดยสถานที่ดังกล่าวถูกใช้เป็นแหล่งนัดพบและจัดปาร์ตี้ให้แก่ตำรวจระดับสูงของเบลเยียม รวมทั้งเป็นสถานที่นัดพบปะสังสรรค์ระหว่างแก๊งมาเฟียแต่ละกลุ่มด้วย"

         
พล.ต.ต.สุพิศาล กล่าวด้วยว่า หลังจากนี้จะรวบรวมหลักฐานที่เกี่ยวข้องมาประสานทางการไทยขออนุมัติหมายจับกุมเป็นผู้ร้ายข้ามแดนเพื่อกลับไปดำเนินคดีที่ประเทศเบลเยียม เบื้องต้นผู้ต้องหายังให้การปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด ซึ่งตำรวจ บก.ป.จะควบคุมตัวส่งอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป