งมหาของในชั้นใต้ดินของบ้านจมน้ำดับ

วันนี้ ( 30 ก.ค.) เมื่อเวลา 01.30 น. ร.ต.อ.เทพพรศักดิ์ กากแก้ว พงส.(สบ1) สน.ดอนเมือง

รับแจ้งเหตุผู้สูญหายภายในน้ำที่บ้านเลขที่ 149 หมู่บ้านรัชมาเฮาส์ ซอยประชาอุทิศ 5 แยก3-6 แขวงและเขตดอนเมือง กรุงเทพฯ จึงเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิป่อเต๊กตึ๋ง

ที่เกิดเหตุเป็นบ้านทาวน์เฮาสท์ 2 ชั้น เนื้อที่ 18 ตารางวา ที่ชั้นใต้ดินของบ้านซึ่งถูกน้ำท่วมขังจนเน่าสูง 2 เมตร
 
โดยท่วมขังตั้งแต่เหตุการณ์อุทกภัยปีที่แล้ว ทางเจ้าหน้าที่รับแจ้งว่านายณัฐนันท์ อัฏฐวี พุทธกุล อายุ 49 ปี เจ้าของบ้านสูญหายไปในชั้นใต้ดิน เจ้าหน้าที่มูลนิธิได้สูบน้ำออกบางส่วนและส่งชุดประดาน้ำเข้าไปงมหา ใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมงครึ่ง จนกระทั่งเมื่อเวลา 05.00 น. จึงพบศพนายณัฐนันท์และได้นำร่างขึ้นมา สภาพศพตัวแข็งและซีด สวมเสื้อยืดร.ด.สีเขียว กางเกงในสีดำ สวมแว่นตากันน้ำ

สอบสวนนางเขมิกา ศรีชมชื่น อายุ 44 ปี อดีตภรรยาให้การว่า หมู่บ้านแห่งนี้จะมีการทำชั้นใต้ดินด้วย

โดยหากทำเพิ่มจะต้องเสียเงินอีก 100,000 บาท เมื่อตอนเหตุการณ์อุทกภัยที่ผ่านมา บ้านหลังนี้ก็ถูกน้ำท่วมด้วย ที่ชั้นใต้ดินถูกน้ำท่วมทั้งหมดสูงกว่า 2 เมตร ทางผู้ตายมีอุปกรณ์ฟิตเนสชุดใหญ่เก็บไว้ในชั้นใต้ดินดังกล่าวและเอาออกไม่ทัน หลังจากเหตุการณ์น้ำท่วมผ่านไป ชั้นใต้ดินก็ยังมีน้ำท่วมอยู่ เนื่องจากเคยไปขออุปกรณ์สูบน้ำที่สำนักงานเขตดอนเมือง แต่ทางเขตฯไม่ให้ เนื่องจากเห็นว่าเป็นบ้านส่วนตัว

นางเขมิกา ให้การอีกว่า หลายบ้านจึงปิดชั้นใต้ดินไปโดยที่น้ำยังท่วมอยู่

แต่ทางผู้ตายไม่ยอมปิดและจะงมลงไปเพื่อจะเอาอุปกรณ์ฟิตเนสขึ้นมาทุกวัน จนกระทั่งวันนี้ ช่วง 18.00 น.ได้งมลงไป ทางบุตรชาย อายุ 16 ปี กลับมาบ้านและเข้าบ้านไม่ได้เพราะล็อกกลอนไว้ จึงตัดสินใจพังประตูเข้าไปและไม่เห็นพ่อ และได้นั่งรอจนกระทั่งถึงช่วง 01.00 น. เลยคาดว่าผู้ตายน่าจะลงไปชั้นใต้ดินเพื่องมของเหมือนทุกครั้ง จึงตัดสินใจโทรศัพท์ไปตามตน ซึ่งได้โทรศัพท์แจ้งตำรวจ ตามเจ้าหน้าที่มาสูบน้ำออกบางส่วนและลงไปในน้ำเพื่องมหาศพจนกระทั่งพบดังกล่าว ทั้งนี้ผู้ตายเคยทำงานแผนกคอมพิวเตอร์ของบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง และได้ออกจากงานมากว่า 5 ปีแล้ว บ้านหลังนี้อยู่กับลูก 2 คนเท่านั้น

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า ผู้ตายน่าจะลงไปงมหาของที่ถูกน้ำท่วมขังไว้ และเกิดขาดอากาศหายใจทำให้เสียชีวิต อย่างไรก็ดีจะสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเพื่อหาข้อเท็จจริงต่อไปและจะส่งศพไปสถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจเพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงต่อไป