ชูวิทย์แฉขบวนค้ากามชาวลาว-อัดเฉลิมอุ้มลูกดวง

ขอบคุณภาพจากเดลินิวส์ขอบคุณภาพจากเดลินิวส์

วันนี้ ( 29 ก.ค.) ที่พรรครักประเทศไทย นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคและส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครักประเทศไทย
 
เปิดแถลงข่าวแฉเรื่องศูนย์รวมการค้ามนุษย์ โสเภณีเด็กสาวชาวลาว อายุ 13-18 ปี จำนวนกว่า 500 คนที่รวมกันอยู่ในพื้นที่ สภ.เมืองฉะเชิงเทรา ซึ่งอยู่ในสังกัด บช.ภ.2  และกรณี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี มีผลประโยชน์ทับซ้อน ในกรณีย้ายโอน ร.ท.ดวง อยู่บำรุง ลูกชายตัวเองจากทหารมาเป็นตำรวจ


นายชูวิทย์ ได้เปิดคลิปความยาวประมาณ 3 นาที และแผนผังสถานที่การค้าบริการโสเภณีเด็กสาวชาวลาว ให้ผู้สื่อข่าวดู

พร้อมเปิดเผยว่า สถานค้าบริการของเด็กสาวชาวลาวดังกล่าวนั้นตั้งอยู่บริเวณถนน 304 พนมสารคาม ในท้องที่ของ สภ.เมืองฉะเชิงเทรา เป็นอาคารชั้นเดียวที่เปิดเป็นร้านอาหารหรือคาราโอเกะเป็นการบังหน้า ซึ่งแต่ละร้านจะมีเด็กสาวชาวลาวอายุตั้งแต่ 13-18 ปี อยู่ประมาณ 30-50 คน รวมทั้งหมดทุกร้านกว่า 500 คน ส่วนใหญ่จะเดินทางมาจากเวียงจันทน์ และหลวงพระบาง ใช้วิธีเข้ามาประเทศในฐานะนักท่องเที่ยว 30 วัน จากนั้นก็กลับออกไปต่อวีซ่าแล้วกลับเข้ามา โดยเด็กทุกคนจะรวมตัวอยู่หลังร้าน ผู้ใช้บริการมาเวลาไหนก็จะเปิดเวลานั้น มีราคาค่าตัวในการเปิดบริสุทธิ์จะอยู่ที่ 20,000 บาท จากนั้นราคาจะลดลงมาเรื่องๆตั้งแต่ 15,000 ไปจนถึงต่ำสุดที่ 700 บาท


นายชูวิทย์ กล่าวต่อว่า การที่ขบวนการค้ามนุษย์บริเวณนี้เจริญเติบโตเป็นอย่างมากนั้น

เป็นเพราะเจ้าหน้าที่ละเลยหรือมีการเรียกรับผลประโยชน์จากเจ้าหน้าที่บางคนในสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองกับตำรวจท้องที่ จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีสถานที่ค้าบริการแหล่งใหญ่ขนาดนี้อยู่ในพื้นที่แล้วเจ้าหน้าที่จะไม่รู้เรื่อง ซึ่งเรื่องนี้หากรัฐบาลยังไม่มีนโยบายปราบปรามอย่างจริงจังก็จะทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการค้ามนุษย์แน่นอน


นายชูวิทย์ ยังกล่าวถึงกรณี ร.ต.อ.เฉลิม มีผลประโยชน์ทับซ้อน ในกรณีย้ายโอน ร.ท.ดวง อยู่บำรุง ลูกชายตัวเองจากทหารมาเป็นตำรวจว่า

ตนเป็นฝ่ายค้านไม่มีส่วนได้เสียแต่ต้องทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาล ลูกชาย ร.ต.อ.เฉลิม จะได้ดิบได้ดีตนก็ยินดีด้วย แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องของประเทศชาติ เป็นเรื่องของความรู้สึกข้าราชการตำรวจจำนวนมาก เพราะลูก ร.ต.อ.เฉลิม ได้รับผลประโยชน์จากการที่พ่อตัวเองดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติอยู่ โดย ร.ท.ดวง อยู่บำรุง ใช้เวลา 17 วันในการโอนย้ายจากทหารมาเป็นตำรวจ โดยมี พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น.ยืนยันว่า แม่นปืน มีประกาศนียบัตร 16 ฉบับพล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ก็ยืนยันว่าไม่มีประวัติมัวหมอง ไม่มีพฤติกรรมเสื่อมเสีย


นายชูวิทย์ กล่าวต่อว่า ตนได้ทำการตรวจสอบ พ.ร.บ.สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ฉบับปรับปรุงใหม่

และกฏ ก.ตร.ว่าด้วยคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของการเป็นข้าราชการตำรวจ เช่นต้องไม่เป็นผู้ประพฤติเสื่อมเสีย ขอถามว่า มีความประพฤติเสื่อมเสียหรือไม่ เพราะเคยมีคดีพัวพันกับการยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ ตนจะไม่ขอย้อนกลับไปถึงคดีดาบยิ้ม เพราะคดีจบไปแล้ว แต่สมัยที่ลูก ร.ต.อ.เฉลิม เป็นทหารนั้นได้หนีออกนอกประเทศไป 6 เดือน ไปมอบตัวที่มาเลเซีย ถือว่าเสื่อมเสียหรือไม่ ช่วงที่ออกไปต่างประเทศนั้นมีการแจ้งต้นสังกัดหรือไม่ และกฏข้อสำคัญอีกข้อคือ จะต้องคำนึงถึงความชำนาญงานของผู้ขอโอน จะต้องเปรียบเทียบกับผู้ที่รับราชการในหน่วยงานนั้น ฉะนั้นแสดงว่า ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่มีใครแม่นปืนเท่าลูก ร.ต.อ.เฉลิมอีกแล้ว


"หน่วยอรินทราช คอมมานโดของกองปราบ ไปอยู่ไหนหมด คนต่างๆในหน่วยนี้ ไม่มีใครเป็นครูฝึกที่แม่นปืนสู้ลูกชาย ร.ต.อ.เฉลิม ได้เลยหรือ ประกาศนียบัตร 16 ฉบับนั้น ได้มาจากสนามยิงปืนในเมืองไทย สามารถยิงปืนได้คะแนนเต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ ผมว่าถ้าแม่นปืนจริง ต้องส่งไปแข่งโอลิมปิก ลอนดอนเกม 2012 น่าจะดีกว่า หากแพ้กลับมาจะไม่ว่าสักคำ และผมขอฝากถาม พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร.ด้วยว่า เพราะเหตุใดจึงไม่ได้ดูแลลูกชายดาบยิ้ม ที่ต้องไปเรียนจักษุแพทย์ที่ ม.รังสิต แทนที่จะได้เป็นตำรวจเนื่องจากพ่อถูกยิงตาย แต่กลับไปรับคนที่มีคดีพัวพันกับการฆ่าเจ้าหน้าที่ตำรวจมาเป็นตำรวจเสียเอง แล้วตำรวจที่เหลือจะรู้สึกอย่างไร ช่วยตอบให้หายสงสัยด้วย เพราะส่วนตัวถือว่าเป็นการเหยียดหยามสังคม" นายชูวิทย์ กล่าว


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์