พล.ต.ต.วรศักดิ์ นพสิทธิพร รอง ผบช.น. เปิดเผยถึงกรณีการรับมอบนโยบายที่ทาง ผบช.น. สั่งให้ยกเลิกการตั้งด่านที่ส่งผลกระทบต่อการจราจร ทั้งนี้ระบุว่า จะยังคงดำเนินนโยบายการตั้งด่านกวดขันวินัยจราจร แต่จะต้องให้สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของทางผู้บัญชาการ โดยเน้นการกวดขันจับกุมใน 12 ข้อหาหลัก อาทิ เมาไม่ขับ ขับย้อนศร ไม่สวมหมวก รวมถึงกรณีรถจักรยานยนต์ที่ก่อความเดือดร้อนรำคาญในทางสาธารณะ ทั้งนี้ การดำเนินการตั้งด่าน สามารถตั้งด่านได้ตลอด 24 ช.ม. แต่ทางหัวหน้าด่านระดับชั้นสัญญาบัตร จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบในการจัดวางแผนล่วงหน้า และห้ามตั้งด่านซ้ำซ้อนในพื้นที่เดียวกัน รวมถึงหากมีรถติดสะสมเป็นทางยาว จะต้องยกเลิกด่านทันที
นอกจากนี้ กองบังคับการตำรวจจราจร จะต้องประสานกับ สน.พื้นที่ เพื่อป้องกันการตั้งด่านซ้ำซ้อน และปัญหารถติด รวมถึงการร้องเรียนจากผู้ใช้รถใช้ถนน สำหรับการแก้ไขปัญหาจราจรที่ติดขัดนั้น เน้นให้ตำรวจจราจรที่ประจำแต่ละจุด เร่งดำเนินการเคลียร์ผิวถนนโดยเร็วที่สุด ส่วนกรณีมีการชุมนุมกีดขวางการจราจร ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบล่วงหน้า เพื่อวางแผนการเดินทาง และป้องกันรถติดเป็นวงกว้าง ทั้งนี้ ตนจะมอบให้ผู้บังคับบัญชาแต่ละพื้นที่ เร่งกำชับในการปฏิบัติตามนโยบายให้กับผู้ใต้บังคับบัญชา หากพบว่าท้องที่ใดมีการตั้งด่านลอย หรือด่านจ๊ะเอ๋ จะถือว่าฝ่าฝืนนโยบายของผู้บังคับบัญชา ต้องถูกตรวจสอบและดำเนินการทางวินัย และทางอาญา
อย่างไรก็ตาม ปัญหารถในพื้นที่กรุงเทพมหานคร พบว่ายังคงมีปัญหารถติดสะสมเป็นเวลลานาน ด้วยกายภาพถนน และปริมาณรถที่เพิ่มมากขึ้นกว่า 4 ล้านคันที่จดทะเบียนในกรุงเทพฯ ยังไม่รวมถึงปริมาณรถจากปริมณฑลและรถบรรทุกที่วิ่งเข้าเมือง โดยในส่วนนี้จะมอบให้ บก.2 ดูกล้องวงจรปิด เพื่อประเมินผลแต่ละเส้นทาง และนำปัญหามาประชุมปรับแก้ไขต่อไป