เจอตู้เอทีเอ็ม โจรยกฝังสวน

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 4 ก.พ. พ.ต.ท.เศียร แก้วทอง สารวัตรเวร สภ.อ.เมืองภูเก็ต รับแจ้งมีคนร้ายงัดตู้เอทีเอ็มภายในร้านให้เช่าวีดิโอชื่อ วีดิโออีซี เลขที่ 7/38-39 ตรงข้ามสวนหลวง ร.9 ถนนเจ้าฟ้าตะวันออก ต.วิชิต จึงนำกำลังไปตรวจสอบพบว่าร้านดังกล่าวเป็นอาคารพาณิชย์ 2 ชั้น 2 คูหา ด้านหน้าเปิดเป็นร้านให้เช่าวีดิโอ ส่วนด้านหลังดัดแปลงเป็นห้องพักให้เช่าแยกออกจากร้านวีดิโอ มีบันไดขึ้นลงด้านข้าง ตรวจสอบภายในร้านพบลิ้นชักเคาน์เตอร์มีร่องรอยถูกงัด โดยทราบว่าเงินสดหายไปจำนวน 6,500 บาท ส่วนตู้เอทีเอ็มของธนาคารไทยธนาคารที่ตั้งอยู่ในร้าน ฝาตู้ด้านบนและลูกบิดรหัสของตู้เซฟเก็บเงินถูกงัดจนหลุดออกมา แต่ไม่สามารถนำเอาเงินไปจากตู้ได้ ปลั๊กไฟถูกถอดออก นอกจากนี้ยังพบกระดาษหุ้มไอศกรีมตกอยู่กลาดเกลื่อน ส่วนกระเบื้องมุงหลังคาตรงห้องเก็บของด้านหลังของร้านมีร่องรอยถูกเปิดออก

สอบปากคำ น.ส.ยุพา นนทรี อายุ 41 ปี บ้านเลขที่ 9 ถนนเจ้าฟ้าตะวันออก ต.วิชิต อ.เมืองภูเก็ต ผจก.ร้านวีดิโออีซี ให้การว่า ร้านดังกล่าวมีนายทวีพร ทองเต็ม เป็นเจ้าของ มีพนักงาน 4 คน ก่อนเกิดเหตุหลังปิดร้านแยกย้ายกันกลับที่พัก ต่อมาเวลา 13.00 น. วันเดียวกันตนและพนักงานได้มาเปิดประตูร้าน พบว่าตู้เอทีเอ็มและลิ้นชักเคาน์เตอร์มีร่องรอยถูกงัด ส่วนเงินสดจำนวน 6,500 บาท และบัตรเติมเงินอีก 600 บาท หายไป เมื่อเข้าไปสำรวจในห้องเก็บของพบว่ากระเบื้องมุงหลังคาถูกเปิดออกเป็นรูโบ๋ จึงแจ้งให้ตำรวจทราบ เบื้องต้นตำรวจประมวลเหตุการณ์แล้วสันนิษฐานว่าคนร้ายคาดว่ามีไม่ต่ำกว่า 2 คน ปีนหลังคาห้องเก็บของแล้วเปิดกระเบื้องออกหย่อนตัวลงไป จากนั้นใช้ของแข็งงัดลิ้นชักกวาดทรัพย์สิน ก่อนจะหันไปงัดตู้เอทีเอ็ม โดยคาดว่าคนร้ายใช้เวลาในการปฏิบัติการนาน สังเกตจากนำไอศกรีมมากินแต่ไม่สำเร็จ สุดท้ายต้องพากันหลบหนี

ส่วนอีกคดี กรณี 5 คนร้ายบุกปล้นยกตู้เอทีเอ็มของธนาคารกรุงไทย ขึ้นรถกระบะโตโยต้าสีขาวไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ไปจากบริเวณหน้าสำนักงานประกันสังคมจังหวัดสงขลา สาขาหาดใหญ่ เลขที่ 334 ถนนโชติวิทยะกุล 3 ต.คอหงส์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เมื่อเวลา 01.33 น. วันที่ 24 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยมีเงินสดอยู่ภายในตู้ราว 2,400,000 บาท หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจระดมกำลังออกสืบหาเบาะแสของคนร้ายแล้วนั้น ต่อมาเมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 4 ก.พ. พล.ต.ท.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผช.ผบ.ตร.รักษาการ ผบช.ภ.9 พร้อมด้วย พล.ต.ต.วีระยุทธ์ สิทธิมาลิก รอง ผบช.ภ.9 พล.ต.ต.ไพฑูรย์ พัฒนโสภณ ผบก. ภ.จ.สงขลา พ.ต.อ.สาคร ทองมุณี รอง ผบก.ภ.จ.สงขลา นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบบริเวณป่าละเมาะติดกับสวนมะพร้าว ท้องที่หมู่ 3 ต.ตลิ่งชัน อ.จะนะ จ.สงขลา หลังทราบเบาะแสจากพยานว่าเป็นจุดที่คนร้ายนำตู้เอทีเอ็มไปฝังดิน

พบว่าพื้นดินบริเวณดังกล่าวมีร่องรอยการฝังกลบใหม่ๆ เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้เสียมขุดดินลึกลงไปเล็กน้อยพบซากตู้เอทีเอ็มฝังอยู่สภาพถูกชำแหละออกเป็นชิ้นๆ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเก็บลายนิ้วมือแฝงของคนร้ายพร้อมนำซากตู้เอทีเอ็มไปตรวจสอบ นอกจากนี้บริเวณจุดที่คนร้ายนำตู้เอทีเอ็มไปฝัง ยังพบเสื้อ 2 ตัว ขวดเบียร์ ซองบุหรี่และก้นบุหรี่กระจัดกระจาย จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ขณะเดียวกัน ตำรวจนำกำลังเข้าตรวจค้นบ้านพักคนงานเฝ้าสวนมะพร้าวที่อยู่ห่างกันประมาณ 100 เมตร แต่ไม่พบของผิดกฎหมาย

พบเพียงร่องรอยคล้ายการลากของหนักตรงพื้นปูนของบ้าน และรอยแตกบริเวณขอบประตูคล้ายถูกกระแทกด้วยของแข็ง จึงได้นำตัวคนงานเฝ้าสวนมะพร้าวต้องสงสัย 2 คน คือนายภักดี ฉับหลี อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 22 หมู่ 10 ต.จะโหน่ง อ.จะนะ จ.สงขลา และนายเล๊าะห์ เกษมสุริยะ อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 91/3 หมู่ 5 ต.นาทับ อ.จะนะ จ.สงขลา ไปสอบปากคำ ที่ สภ.ต.ควนหมีด อ.จะนะ จ.สงขลา

พล.ต.ท.วีรยุทธ์ สิทธิมาลิก รอง ผบช.ภ.9 กล่าวว่า จากการสอบปากคำผู้ต้องสงสัยทั้ง 2 คน เบื้องต้นนายภักดี ฉับหลี ให้การสารภาพ ยอมรับว่ารู้จักกับแก๊งคนร้าย วันเกิดเหตุได้รับการติดต่อจากคนร้ายให้ช่วยเปิดประตูสวนมะพร้าว จากนั้นก็ไม่รู้เห็นอะไรอีก ได้รับเงินส่วนแบ่งจากการเปิดประตูสวนมะพร้าวเป็นเงิน 1 แสนบาท นำไปใช้หนี้ 7 หมื่นบาท ที่เหลืออีก 3 หมื่นบาท นำไปเล่นการพนันหมด ในขณะที่นายเล๊าะห์ เกษมสุริยะ ให้การว่ารู้จักกับกลุ่มคนร้ายดี และยังให้รายละเอียดด้วยว่าวันเกิดเหตุใครทำหน้าที่อะไร แต่ไม่ได้ไปร่วมก่อเหตุ ในชั้นต้นตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การของคนทั้งคู่ เนื่องจากไม่ตรงกันในหลายประเด็น โดยเฉพาะนายเล๊าะห์ ให้การวกวน ตำรวจจะเชิญตัวผู้ที่ถูกพาดพิงมาสอบปากคำอีกครั้ง พร้อมกันนี้ ได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนเร่งรวบรวมพยานหลักฐาน ขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มเติมอีก 4 คน แต่ไม่สามารถเปิดเผยชื่อได้ในขณะนี้ สำหรับตู้เอทีเอ็มนั้น จากการตรวจสอบคาดว่าตอนแรกคนร้ายใช้ใบเลื่อยตัด แต่ตัดไม่ออก จึงเปลี่ยนวิธีใช้แก๊สตัดแทน