เมื่อเวลา 13.30 น. นายศิลปะชัย เคนพา เจ้าหน้าที่กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.)
ได้พา ด.ญ.เอ (นามสมมุติ) อายุ 15 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดปทุมธานี เข้าพบกับ พ.ต.ท.วิญญู เทียมราช สารวัตรเวรสอบสวน สภ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี เพื่อแจ้งความดำเนินคดีข้อหาข่มขืนกระทำชำเราเด็กหญิงที่อายุต่ำกว่า 15 ปี กับนายสมนึก (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 41 ปี อยู่บ้าน ต.ชุมแสง อ.วังจันทร์ จ.ระยอง ซึ่งเป็นพ่อแท้ๆ ของ ด.ญ.เอ โดยมี พ.ต.อ.บัญชา ติปยานนท์ ผกก.สภ.หนองเสือ และ พ.ต.ท.ทักษพงษ์ รื่นกลิ่น รอง ผกก.สส. และเจ้าหน้าที่จากอัยการและนักจิตวิทยาสงเคราะห์ร่วมฟังการให้ปากคำด้วย
ด.ญ.เอกล่าวว่า ตนเองถูกพ่อแท้ๆ ข่มขืนมาตั้งแต่อายุ 7 ขวบ
พอเรียนในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ก็ได้ไปเข้าร่วมโครงการจิตอาสาจราจรของ สภ.ประตูจุฬาลงกรณ์ ในเขตพื้นที่อำเภอธัญบุรี จ.ปทุมธานี โดยมีหน้าที่ช่วยอำนวยความสะดวกการจราจรรถยนต์ในช่วงเวลาเร่งด่วน ต่อมาได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรเข้ามาตีสนิทให้เงินบ้างเป็นบางครั้ง ทำให้ตนเองตายใจพอต่อมาก็ชวนตนเองไปกินข้าว ตนก็เห็นว่าพี่ๆ ตำรวจให้ความเมตตาก็เลยนั่งรถไปกินข้าวด้วยโดยไม่ได้คิดอะไร ซึ่งตำรวจทั้งหมดมี 3 คน ตนเรียกชื่อว่า จ่า ป. จ่า ส. ส่วนอีกคนยังไม่ทราบชื่อ ซึ่งในระหว่างที่กินข้าวกันก็ถูกคะยั้นคะยอให้ดื่มเหล้าด้วย จนเวลาผ่านไปตนเองเริ่มรู้สึกมึนเมาและอยากกลับบ้าน ซึ่งทั้งสามก็อาสาจะไปส่ง แต่ระหว่างทางกลับเลี้ยวรถเข้าโรงแรมแห่งหนึ่งในที่สุดก็ถูกกระทำการข่มขืนโดยที่ตนไม่มีแรงจะต่อสู้ขัดขืนได้เลย
ด.ญ.เอกล่าวต่อไปว่า พอรู้สึกตัวอีกทีก็ไม่พบพวกพี่ตำรวจทั้ง 3 คนอีกแล้ว
ตนจึงได้เดินออกมาจากห้องของโรงแรมและโบกเรียกรถแท็กซี่หน้าโรงแรม โดยแจ้งว่าตนเองถูกข่มขืน ซึ่งแท็กซี่ก็อาสาว่าจะพาไปแจ้งความ แต่กลับพาเข้าไปข่มขืนในโรงแรมอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งตนก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอยู่ที่ไหน ทำให้รับสภาพไม่ไหวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงได้ไปปรึกษากับคนรู้จัก จากนั้นจึงได้พามาที่บ้านพักเด็กและสตรีจังหวัดปทุมธานี เพื่อขอความช่วยเหลือและเอาเรื่องกับคนที่ลงมือข่มขืนตัวเองทุกคน
ด้าน พ.ต.ท.ทักษพงษ์ รื่นกลิ่น รอง ผกก.สส. กล่าวว่า ในทางเรื่องของคดีเหตุที่เกิดภายในพื้นที่เป็นเรื่องของพ่อของเด็กผู้หญิง
เชื่อว่าวันนี้สามารถออกหมายจับและจะติดตามจับตัวพ่อของเด็กมาได้อย่างแน่นอน ส่วนคดีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมกันข่มขืนนั้น ผู้เสียหายจะต้องไปแจ้งความในพื้นที่เกิดเหตุเพราะเป็นคนละคดีกัน รวมถึงคนขับแท็กซี่ที่ข่มขืนก็จะต้องไปแจ้งในพื้นที่ที่เกิดเหตุด้วย