สาวญี่ปุ่นฟ้องรพ.เอกชนดังทำคลอดผิดพลาดเรียกกว่าร้อยล้าน

วันนี้(9 ก.ค.) ที่ห้องพิจารณาคดี 814 ศาลแพ่ง ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดพิจารณาคดีผู้บริโภคหมายเลขดำ ผบ.1461/2555

ที่ น.ส. มิคาโยะ อิโตะ อายุ 41 ปี ชาวญี่ปุ่น เป็นโจทก์ฟ้องโรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง แพทย์สูตินารีเวช และบริษัทเครื่องห้ามเลือดไฟฟ้า เป็นจำเลยที่ 1 – 3 เรื่องละเมิดเรียกค่าเสียหายจำนวนทุนทรัพย์ 82,638,252.90 บาท
              
คดีนี้โจทก์ยื่นฟ้องต่อศาลแพ่งเมื่อวันที่ 8 มิ.ย.55 ระบุฟ้องสรุปว่า
 
โจทก์เป็นชาวญี่ปุ่น ทำงานเป็นผู้จัดการฝ่ายประสานงานต่างประเทศ บริษัทประกอบกิจการขายสินค้านำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น ในราคา 60 บาทราคาเดียวทั้งร้าน สมรสกับ ด.ต.ณรงค์ เหล่าสิงห์ เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองพัทยา เมื่อวันที่ 25 ก.พ.55 โจทก์ไปทำการคลอดบุตรที่ รพ.เอกชนชื่อดัง  โดยมีจำเลยที่ 2 เป็นแพทย์ผ่าตัดทำคลอด เริ่มการผ่าตัดเมื่อเวลา 07.00 น. โดยแพทย์ใช้วิธีบล็อกหลัง และผ่านำตัวเด็กออกจากครรภ์ ระหว่างที่จำเลยที่ 2 ทำการผ่าตัดอยู่นั้น โจทก์ได้กลิ่นไหม้อย่างรุนแรง พร้อมกับได้ยินเสียงของจำเลยที่ 2 ร้องออกมาด้วยน้ำเสียงตกใจว่า “ปิดแผลก่อนๆ” ขณะนั้นโจทก์ไม่ทราบว่าเกิดเหตุผิดปกติอะไร เนื่องจากเกิดอาการชาอวัยวะท่อนล่าง

กระทั่งมาทราบภายหลังว่าเกิดเหตุไฟไหม้ที่บริเวณข้างลำตัวด้านขวาอย่างรุนแรง
 
เมื่อเครื่องห้ามเลือดไฟฟ้าที่จำเลยที่ 3 เป็นผู้จัดจำหน่าย ใช้สำหรับจี้ห้ามเลือดจากแผลผ่าตัด ขณะผ่าตัดเครื่องห้ามเลือดไฟฟ้าเกิดช็อต ขัดข้อง ทำให้ไฟลุกลามจนเกิดบาดแผลที่ข้างลำตัวผิวหนังกำพร้า หนังแท้ ต่อมเหงื่อ และเซลประสาทถูกไฟไหม้ ศัพท์ทางการแพทย์เรียกว่า “DEEP BURN” เป็นแผลไฟไหม้ระดับ 3 รอยไหม้กว้าง 15  ซม. ยาว 30  ซม. จากบริเวณราวนมด้านขวาลงไปถึงต้นขาขวา  อันเป็นความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของจำเลยทั้ง 3
              
ทั้งนี้จากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้โจทก์ต้องทนทุกข์ทรมานแสนสาหัส

ต้องรับทำความสะอาดแผลตั้งแต่วันที่ 25 ก.พ. – 17 มี.ค. 55 รวม 21 วัน การทำความสะอาดแผลต้องถูกดมยา หรือฉีดยาเพื่อให้หมดสติทุกครั้ง ส่งผลกระทบต่อความจดจำของโจทก์ ต่อมาวันที่ 31 มี.ค.55 แพทย์ทำการผ่าตัดเข้าผิวหนังที่โคนขาขวา กว้าง 10  ซม. ยาว 20  ซม.จำนวน 5 แผ่น ไปปิดปากแผลบริเวณลำตัวที่เกิดจากไฟไหม้ เนื่องจากผิวหนังบริเวณดังกล่าวตายไปแล้ว เมื่อเห็นบาดแผลทั้งหมดแล้วทำให้โจทก์มีอาการซึมเศร้า จิตใจย่ำแย่ ต้องปรึกษากับ จิตแพทย์ โดยไม่ทราบว่าต้องใช้การรักษาไปอีกนานเพียงใด บาดแผลดังกล่าวทำให้โจทก์ไม่สามารถสวมใส่ชุดชั้นในได้ตามปกติ เพราะเมื่อถูกรัดโดนบริเวณแผลจะทำให้เจ็บปวด จนไม่สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ

การกระทำละเมิดของจำเลยทั้ง 3 เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหายต่อร่างกาย สุขภาพ อนามัย และจิตใจของโจทก์
 
จำเลยทั้งสามต้องร่วมกันรับผิด ชดใช้ค่าขาดรายได้จากการทำงาน เป็นเวลา 45 วัน เป็นเงิน 119,999.70 บาท ค่าผลกระทบต่อเงินเดือนและโบนัส จำนวน 2,364,253.20 บาท ค่าจ้างเลี้ยงดูบุตร จำนวน 90,000 บาท ค่าเดินทางจากบ้านพักที่จังหวัดระยอง มารักษาตัวที่ กรุงเทพมหานคร รวม 64,000 บาท ค่ารักษาในอนาคต เพื่อทำศัลยกรรมที่ประเทศญี่ปุ่นจำนวน 30,000,000 บาท  ค่าเสียหายต่อร่างกาย สุขภาพ อนามัย และจิตใจ ที่ทำให้โจทก์ได้รับความเจ็บปวดทุกข์ทรมาน ไม่สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ จำนวน 50,000,000 บาท รวมทั้งสิ้น 82,638,252.90 บาท

โดยวันนี้โจทก์มี ด.ต. ณรงค์ สามี น.ส.มิคาโยะ และทนายความมาศาล ขณะที่ น.ส.มิคาโยะ ไม่สามารถเดินทางมาศาลได้

ขณะที่ฝ่ายจำเลยมอบอำนาจให้ทนายความเข้าพิจารณาคดี โดยทนายจำเลยที่ 1 และ 3 แถลงต่อศาลว่าเขียนคำให้การจำเลยไม่แล้วเสร็จ ประกอบกับจำเลยทั้ง 3 ประสงค์ขอให้มีการเจรจาไกล่เกลี่ย ก่อนมีการสืบพยาน จึงขอให้เลื่อนการพิจารณาออกไปก่อน ศาลถามโจทก์แล้วไม่คัดค้าน ศาลจึงมีคำสั่งเลื่อนนัดพิจารณาออกไป เพื่อให้ทนายความจำเลยส่งบันทึกคำให้การของจำเลยที่ 1 และ3 ในวันที่ 27 ก.ค. 55 นัดพิจารณาวันที่ 6 ส.ค.55  และนัดไกล่เกลี่ยประนอมข้อพิพาทวันที่ 3 ก.ย.55
              
ภายหลัง ด.ต. ณรงค์ เหล่าสิงห์ เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองพัทยา กล่าวว่า

ในวันเกิดเหตุภรรยาไปทำคลอดบุตรสาวคนที่ 3 ก่อนหน้านั้นมีบุตรสาวด้วยกันอยู่แล้ว 2 คน อายุ 8 ปี และ 4 ปี ซึ่งผ่าตัดทำคลอดที่ รพ.แห่งนี้ ทั้งหมด ครั้งแรกที่เห็นบาดแผลของภรรยารู้สึกช็อกมาก ไม่คาดคิดว่า โรงพยาบาลที่มีชื่อเสียง และค่าใช้จ่ายที่สูงจะทำเรื่องผิดพลาดเพียงนี้ หลังเกิดเหตุทาง รพ. ได้รักษาบาดแผลภรรยาให้โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ตนเข้าใจได้ว่าอุบัติเหตุย่อมเกิดขึ้นได้ แต่แพทย์และผู้เกี่ยวข้องควรมีความระมัดระวัง ตรวจสอบอุปกรณ์ให้มากกว่านี้