เมื่อเวลา 23.00 น.วันที่ 4 ก.ค.ร.ต.ท.จิตติชัย รัตนวรประดิษฐ์ ร้อยเวร สภ.เมืองตรัง
รับแจ้งมีเหตุยิงกันและมีผู้เสียชีวิต ที่บ้านเลขที่ 110/3 หมู่ที่ 1 ต.นาโต๊ะหมิง อ.เมือง จ.ตรัง หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.ธรรมนูญ ไตรทิพย์พงศ์ รอง ผบก.ภ.จว.ตรัง ชุดสืบสวน เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน จ.ตรัง แพทย์ รพ.ตรัง และเจ้าหน้าที่กู้ภัย
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านชั้นเดียวมีบริเวณและรั้วบ้าน พบร่างของผู้เสียชีวิตนอนหงายจมกองเลือดอยู่ที่หน้าบ้าน
ทราบชื่อ นายเอิบ แก้วกลาง อายุ 72 ปี เจ้าของบ้าน มีบาดแผลถูกยิงเข้าที่บริเวณคิ้วซ้าย 1 นัด และชายโครงซ้ายทะลุขวา 1 นัด รวม 2 นัด นอกจากนั้นยังพบปลอกกระสุนปืน จำนวน 9 ปลอก หัวกระสุนปืน 2 หัวและกระสุนปืนที่ยังไม่ได้ยิงอีก 3 นัด ตกกระจัดกระจายทั้งหน้าบ้านและลานหน้าบ้าน ส่วนภายในบ้านยังพบกองเลือดจำนวนมาก และยังมีผู้บาดเจ็บอีก 2 คน ได้ถูกนำตัวส่ง รพ.ตรัง ก่อนหน้านี้และ 1 ใน 2 เสียชีวิตในเวลาต่อมา เนื่องจากทนพิษบาดแผลไม่ไหว ทราบชื่อ นางอำภา ปัญจนา อายุ 40 ปี ส่วนนายวิมล แก้วกลาง อายุ 37 ปี น้องชาย บาดเจ็บสาหัส
จากการสอบสวน นางสุดา เบลเลเซน อายุ 43 ปี ให้การว่าก่อนเกิดเหตุตนพร้อมด้วยสามีชาวนอร์เวย์ นางอำภา และญาติพี่น้อง รวม 14 คน
ได้เดินทางมาเยี่ยมมารดาซึ่งมีอาการป่วยมาหลายวันแล้ว โดยเมื่อมีโอกาสได้พบปะกัน ก็ได้ทำอาหารรับประทานกัน ส่วนแฟนหนุ่ม น้องเขย และหลานชาย ได้นั่งดื่มสุรากันที่โต๊ะม้านั่งหินอ่อนหน้าบ้าน ระหว่างนั้น ได้มี ด.ต.ประพิศ แก่นเมือง อายุ 52 ปี ผบ.หมู่งาน ป. สภ.บ้านหนองตรุด อดีตสามีเก่าของนางอำภาน้องสาว ซึ่งได้เลิกรากันมา 1 ปีแล้ว ได้ขับรถยนต์มาจอดหน้าบ้าน จากนั้นก็เดินตรงเข้าไปในครัวเพื่อไปหานางอำภา ซึ่งกำลังนั่งรับประทานอาหารอยู่กับญาติๆ ทันทีที่พบหน้านางอำภา ด.ต.ประพิศก็พูดขึ้นด้วยความไม่พอใจในทำนองว่า นัดออกไปรับประทานข้าวแล้วไม่ยอมไปตามนัด ต่อมาไม่นานทั้งคู่มีปากเสียงกัน ทุกคนจึงบอกให้น้องสาวออกไปตกลงปัญหากันข้างนอก
เมื่อทั้งคู่ไม่สามารถเคลียร์กันได้ นายเอิบเห็นว่าเรื่องบานปลาย จึงได้สั่งให้ ด.ต.ประพิศออกจากบ้านไปก่อน แต่ ด.ต.ประพิศไม่ยอมออกไป
พร้อมกับได้ผลักนายเอิบจนเซถลา ทันใดนั้นไม่มีใครคาดคิด ด.ต.ประพิศ ก็ได้ชักปืนออกมาจ่อยิงพ่อ จนล้มฟุบขาดใจตายต่อหน้าต่อตาลูกๆ และญาติพี่น้องที่มาห้ามปราม ท่ามกลางความตกตะลึงของทุกคน และยังไม่ทันที่ทุกคนจะหายตกใจ ด.ต.ประพิศก็ได้ใช้อาวุธปืนกระบอกดังกล่าว กราดยิงใส่ทุกคนที่ยืนอยู่ จนเป็นเหตุให้กระสุนไปถูกนางอำภาเสียชีวิตในที่สุด จากนั้น ด.ต.ประพิศก็ได้วิ่งไปขึ้นรถยนต์ขับหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งว่า ด.ต.ประพิศ ได้ใช้อาวุธปืนยิงตัวตายภายในห้องบ้านพักตำรวจ เลขที่ 155/14 หมู่ที่ 5 ต.หนองตรุด อ.เมืองตรัง
และได้นำศพส่ง รพ.ตรังแล้ว จึงเดินทางไปตรวจสอบ พบบนเตียงนอนมีกองเลือดปนมันสมองจำนวนมาก ส่วนที่บนพื้นพบอาวุธปืนบาเร็ตต้า ขนาด 9 มม.ซึ่งเป็นอาวุธปืนส่วนตัวตกหล่นอยู่ จากการตรวจสอบพบกระสุนปืนในรังเพลิงอีก 4 นัด ที่หัวเตียงพบแม็กกาซีนเปล่า 1 อัน และบนโต๊ะทำงานมีขวดสุราที่ถูกดื่มไปแล้วครึ่งขวด ส่วนที่หน้าบ้านพบรถยนต์กระบะโตโยต้า วีโก้ สีบรอนซ์ ตอนครึ่ง ทะเบียน บธ 7908 ตรัง ของ ด.ต.ประพิศจอดอยู่
เบื้องต้นทางตำรวจสันนิษฐานว่า ปมสังหารโหดครั้งนี้มาจากความขัดแย้งเรื่องชู้สาว
ที่ เกิดมาจากด.ต.ประพิศ พยายามงอนง้อขอคืนดีกับอดีตภรรยาเก่าหลายครั้งแล้ว แต่อีกฝ่ายไม่ยอมคืนดีด้วย เพราะหลังจากเลิกรากันฝ่ายหญิงก็ได้มีครอบครัวใหม่แล้ว แต่ก็ยังตามตื๊อไม่เลิก โดยก่อนก่อเหตุ ด.ต.ประพิศได้นั่งดื่มสุราย้อมใจ แล้วขับรถยนต์ออกจากบ้านไปหาอดีตภรรยาเพื่อตามง้อขอคืนดี เมื่ออีกฝ่ายไม่สนใจไยดี จึงเกิดความแค้นและใช้อาวุธปืนจ่อยิงอดีตพ่อตาและอดีตภรรยาเก่าจนเสียชีวิต ก่อนจะตัดสินใจใช้อาวุธปืนยิงตัวตาย