จากเหตุการณ์สุดสลดในวันนี้ (3 ก.ค.) ร.ต.อ.สถาพร สุขสว่าง พงส.สบ1 สน.โชคชัย
รับแจ้งเหตุมีคนผูกคอตายที่บ้านเลขที่ 33/126ม.6 ซอยนาคนิวาส 24 ถนนนาคนิวาส แขวงและเขตลาดพร้าว กทม.จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน แพทย์โรงพยาบาลตำรวจ เจ้าหน้าที่สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ และเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ้ง
ในเบื้องต้นพบว่าที่เกิดเหตุเป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น ตั้งตระหง่านอยู่ในเนื้อที่ประมาณ 100 ตารางวา ภายในที่ห้องนอนชั้น 2 พบศพ น.ส.เบญญาภา เสนาจันทร์ หรือน้องเชอร์รี่ อายุ 22 ปี สภาพศพสวมเสื้อยืดแขนสั้นสีครีมลายการ์ตูน นุ่งกางเกงยีนส์แบบขาสั้น นอนอยู่บนเตียงนอนภายในห้อง โดยมีเข็มขัดแบบเจาะรู สีน้ำตาล ผูกแขวนติดอยู่ที่บริเวณราวผ้าม่านข้างหน้าต่างภายในห้อง
จากการสอบปากคำญาติผู้ตายให้การว่า
“ก่อนหน้านี้ผู้ตายไปทำศัลยกรรมใบหน้า ด้วยการเสริมจมูกและคาง ที่คลินิคชื่อดังแห่งหนึ่ง ซึ่งหลังจากนั้นก็กลับมาพูดปรับทุกข์กับทางครอบครับ ในเชิงน้อยใจ เพื่อน ๆ ที่สนิทกันในกลุ่มบอกว่าผู้ตายไปทำจมูกและคางมาแล้วไม่สวยเหมือนคนอื่น ๆ และทำให้มีอาการเศร้า ซึมอย่างเห็นได้ชัด จนกระทั่งเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ก็เห็นผู้ตายเดินลงมาดื่มน้ำข้างล่าง หลังจากนั้นก็เดินกลับขึ้นห้องนอนไป
จากนั้นช่วงเที่ยงจึงได้ไปเรียกผู้ตายลงมากิน ก็ไม่มีเสียงตอบกลับมาแต่อย่างใด ญาติๆจึงได้พังประตูห้องเข้าไป ก็พบว่าผู้ตายผูกคอตัวเองไว้ที่ราวผ้าม่าน จึงได้รีบช่วยกันตัดเข็มขัดที่ผูกคอยลงมา แต่ก็ไม่สามารถช่วยชีวิตไว้ได้ทัน สิ้นลมหายใจท่ามกลางความเศร้าโศกของทุกคนในครอบครัว
เบื้องต้นทางพนักงานสอบสวนได้สันนิฐานว่า ผู้ตายน่าจะน้อยใจเพื่อน ๆ ในเรื่องการทำศัลยกรรมที่ออกมาไม่สวยสมใจ จึงผูกคอตายหนีปัญญหา
แต่ก็ยังไม่ตัดประเด็นการคิดสั้นฆ่าตัวตายในประเด็นอื่นๆ ซึ่งก็ได้ส่งศพไปชันสูตรหาหลักฐานเพิ่มเติม ที่ สถาบันนิติเวชวิทบา รพ.ตำรวจ อีกครั้ง ทั้งนี้ น้องเชอร์รี่ ผู้ตาย เพิ่งจะสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี ภาควิชาศิลปการละคร คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ด้วยคะแนนเกียรตินิยมอันดับสอง เมื่อต้นปี 2555 นี้ และเคยร่วมกิจกรรมต่างๆ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อย่างเช่น เป็นตัวเอก ละครเวทีสั้นแหวกม่านอักษรศาสตร์ เรื่อง: The next Mrs.Andersen รับบทเป็น ลิซ่า ตัวเอกฝ่ายหญิง ของเรื่องฯ เมื่อครั้งแสดงในปี 2553 มาแล้ว
ทางด้าน พญ.พรรณพิมล วิปุลากร ผอ.สถาบันราชานุกูล กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข กล่าว
ว่าโดยทั่วไปการทำศัลยกรรมมี 3 ลักษณะ คือ 1.เป็นแฟชั่นทำตามเพื่อน กรณีนี้อาจเป็นการทำศัลยกรรมเล็กๆน้อยๆ 2.มีความรู้สึกว่าต้องแก้ไขบางส่วนในร่างกายเพราะไม่ชอบอย่างมาก ต้องทำให้ได้ ถ้าไม่ทำจะเป็นทุกข์ กรณีนี้ถือว่าเริ่มเป็นปัญหา และกลุ่มที่ 3.จะเริ่มหมกมุ่น คือ ทำมาแล้วไม่พอใจ มีปัญหาต่อสภาวะจิตใจค่อนข้างมาก อาจเป็นภาวะที่เรียกว่า หลงผิดเกี่ยวกับร่างกายของตัวเอง แม้จะทำศัลยกรรมซ้ำหลายครั้งก็ยังไม่พอใจ ยังไม่ดีพอ และเกิดภาวะซึมเศร้า เครียด เพราะคิดว่าทำแล้วไม่สวย ทั้งๆที่มันอาจจะดีแต่เขาไม่พอใจ กรณีนี้ต้องดูว่า อยู่ในกลุ่มที่ 2 หรือ 3.
พญ.พรรณพิมล กล่าวอีกว่า ส่วนที่ในช่วงนี้มีข่าวการฆ่าตัวตายถี่นั้น ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะสังคมตึงเครียดมากขึ้น มีเรื่องกดดันมากขึ้น
หลายกรณีคนที่มีปัญหาฆ่าตัวตายมักอยู่กับตัวเอง คิดอะไรเอง พอไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ ไม่มีทางออกก็ใช้วิธีรุนแรง ทำร้ายตัวเอง หรือฆ่าตัวตาย แทนที่จะปรึกษาคนใกล้ชิดหรือคนในครอบครัว ดังนั้นอยากฝากว่า หากแก้ไขปัญหาไม่ได้ควรเปิดใจด้วยการหันไปปรึกษาคนอื่น ขณะเดียวกันคนใกล้ชิดก็ควรหมั่นสังเกตอาการคนในครอบครัวด้วย.