หั่นหัวเกรียน 150 โจ๋อาชีวะ ยัดติวเข้มค่ายรบพิเศษ

หั่นหัวเกรียน 150 โจ๋อาชีวะ ยัดติวเข้มค่ายรบพิเศษ

วันนี้ ( 3 ก.ค.) ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พ.ท.วันชนะ สวัสดี รองโฆษกกองทัพบก แถลงถึงความคืบหน้าการดำเนินการโครงการ “สุภาพบุรุษอาชีวะ” ว่า ทางกองทัพบกจะใช้หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ จ.ลพบุรี เป็นสถานที่ในการฝึก มีจำนวนนักเรียนอาชีวะที่เข้ารับการฝึกจำนวน100 คนจากโรงเรียนอาชีวะภาคเอกชน 17 สถาบัน และอีก 50คนจากโรงเรียนอาชีวะภาครัฐบาล 16 สถาบัน รวม150 คน โดยคัดเลือกจากนักเรียนอาชีวะที่กำลังศึกษาอยู่ในชั้นปีที่ 2 เป็นหลัก ใช้อัตราส่วนของครูที่ดูแลนักเรียน 1 ต่อ 5 คน และจะประเมินการทำงานทุกวัน ทั้งนี้จะใช้ระยะเวลาในการฝึกรวมทั้งสิ้น 10 สัปดาห์ เริ่มตั้งแต่ 17 ก.ค.นี้จนถึงสัปดาห์สุดท้ายของเดือน ก.ย. ทั้งนี้ได้แบ่งเป็นช่วง 4 สัปดาห์แรกเป็นช่วงของการละลายพฤติกรรม ส่วน6 สัปดาห์ที่เหลือจะเป็นการฝึกทางวิชาการ รวมทั้งมีการไปศึกษาดูงานโรงงานอุตสาหกรรมและทัศนศึกษาในสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์รวมถึงโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ

พ.ท.วันชนะ กล่าวต่อว่า ทางกองทัพบกได้กำหนดให้วันที่ 17 ก.ค.เป็นวันปฐมนิเทศ โดยจะให้มีผู้ปกครองเข้าร่วมด้วย เพื่อให้ทราบถึงขั้นตอน และวิธีการฝึกอย่างละเอียด โดยตลอด 10 สัปดาห์ทางกองทัพบกจะไม่อนุญาตให้นักเรียนกลับบ้านได้ แต่อนุญาตให้ผู้ปกครองเข้าเยี่ยมได้หลังการฝึกผ่านไปแล้ว 4 สัปดาห์ โดยในวันแรกจะมีการตัดผมทรงทหาร แต่ทั้งนี้ก็ยอมรับว่าในวันจริงอาจจะมีนักเรียนที่คัดเลือกไว้ มารายงานตัวไม่ครบ เพราะส่วนใหญ่ถูกบังคับมา ทำให้มีโอกาสที่คิดหนี แต่กองทัพบกจะดูแลอย่างดี โดยจัดทหารเฝ้าเวรยาม แต่ถ้ามีนักเรียนหนีทางสถาบันต้องติดตามตัวกลับมา

“ที่มีความกังวลว่าทางกองทัพบกจะนำเด็กเหล่านี้ไปฝึกหนักเหมือนกับทหารนั้น ผมขออธิบายว่าการฝึกทหารใหม่ เพื่อต้องการให้เขามีความรู้ความสามารถ มีกำลังกาย กำลังใจ ใช้การปฏิบัติภารกิจทางทหาร แต่เด็กกลุ่มนี้เป็นเด็กที่กำลังศึกษาเทียบเท่ามัธยมปลายอายุระหว่าง 15-17 ปี วัตถุประสงค์ในการฝึกคือเราต้องการให้เขาคุณค่าในตัวเอง นำความรู้ความสามารถไปใช้ประโยชน์ในวิชาชีพของเขา เพราะฉะนั้นการฝึกจึงไม่เหมือนกัน และบางคนที่คนมองว่าจะเชื่อมั่นได้อย่างไรว่าเด็กเหล่านั้นอยู่ในเกณฑ์เสี่ยงทั้งหมด ซึ่งกองทัพบกไม่สนใจว่าเขาจะอยู่ในเกณฑ์เสี่ยงหรือต้องเป็นผ้าขาว แต่เราสนใจว่าจะให้ศักยภาพ แนวทางการดำรงชีวิต และ ทัศนคติที่ดีกับเขา สิ่งที่จะได้คือภูมิคุ้มกันในการดำรงชีวิตในอนาคต แต่เราไม่อยากให้สังคมคาดหวังว่าผู้ที่อบรมแล้วจะดีหมด เพราะเป็นไปไม่ได้ ” พ.ท.วันชนะ กล่าวและว่าอย่างไรก็ตามทาง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ได้กำชับเรื่องความปลอดภัยว่าต้องมีการตรวจร่างกายก่อนเข้ารับการฝึก เพราะแต่ละคนอาจมีโรคประจำตัว จึงเป็นห่วงว่าอาจจะอันตรายได้ อีกทั้งการฝึกครั้งนี้ต้องได้รับการยินยอมจากผู้ปกครอง เพราะไม่มีกฎหมายรองรับ เนื่องจากไม่เหมือนการฝึกทหารเกณฑ์ ดังนั้นขอให้ผู้ปกครองคิดว่า เหมือนกับให้ลูกของท่านมาเข้าค่ายลูกเสือ เพื่อฝึกกิจกรรมร่วมกัน.


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์