จับคนขับแท็กซี่ฉกทองรูปพรรณน้ำหนักรวม 300 บาท ตำรวจสงสัยอาจร่วมมือกับเมียก่อเหตุ
เมื่อวันที่ 2 ก.ค. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง รักษาราชการแทนผบช.น.พร้อมด้วยตำรวจชุดสืบสวนกองบังคับการตำรวจนคบาล 4 แถลงจับกุมนายพิชัย บุญช่วย อายุ 65ปี อาชีพขับรถแท็กซี่ ผู้ต้องหาก่อเหตุชิงทรัพย์ พร้อมของกลางทองรูปพรรณหนักรวม 300บาท ราคาประมาณ 6,856,694 บาท ชิ้นส่วนกระเป๋าแบบลาก 1ใบและกุญแจรถแท็กซี่ทะเบียน ทม.4047 กทม. โดยจับกุมได้ที่หน้าหอพักหญิงสามสุพร ถนนศรีเชียงใหม่ อ.สันทราย จ.เชียงใหม่
พล.ต.ต.คำรณวิทย์ เปิดเผยว่า นายพิชัย ผู้ต้องหาก่อเหตุชิงทองรูปพรรณหนัก 300 บาท จากนางเฟื้อง สายมูล อายุ 50 ปี ซึ่งเป็นลูกจ้างร้านทองอึ้ง เฮง หลี ในห้างแม็คโคร ย่านบางกะปิ โดยชิงระหว่างที่นางเฟื้อง นำทองรูปพรรณจำนวนดังกล่าวไปเปลี่ยนที่จ.นครราชสีมมา ขณะกลับมายังกรุงเทพฯ และได้ว่าจ้างนายพิชัย ผู้ต้องหาซึ่งเป็นคนขับแท็กซี่ มาส่งทองให้นายจ้างที่ห้างแม็คโคร แต่ถูกนายพิชัยก่อเหตุชิงทรัพย์และหลบหนีไป
“จากการสอบสวนนางเฟื้อง พบว่ามีพิรุธหลายอย่าง ทำให้ตำรวจไม่ปักใจเชื่อว่าเป็นเหตุชิงทรัพย์จริง จึงเค้นสอบสวนกระทั่งนางเฟื้องยอมรับว่ารู้จัdกับนายพิชัย และรับว่าเป็นสามีภรรยากัน ในวันเกิดเหตุได้แจ้งให้นายพิชัยมารับ แต่เกิดทะเลาะกันโดยนายพิชัยได้ทำร้ายร่างกายพร้อมกับชิงทรัพย์ไป พร้อมอ้างว่าไม่มีส่วนรู้เห็นกับการชิงทอง และตำรวจสืบสวนกระทั่งนำไปสู่การจับกุมนายพิชัย” พล.ต.ต.คำรณวิทย์ กล่าว
ด้านนายพิชัย ผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพว่า ก่อเหตุเพียงคนเดียว ไม่ได้มีการเตรียมแผนมาก่อน เพียงแต่วันเกิดเหตุเกิดทะเลาะกับนางเฟื้องและตนได้ลงมือทำร้ายร่างกายพร้อมกับชิงทรัพย์สินซึ่งเป็นทองรูปพรรณไป จากนั้นไปหลบหนีกบดานอยู่ที่จ.เชียงใหม่ แต่ก็ไม่รอดถูกตำรวจจับกุม
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนยังคงไม่ปักใจเชื่อว่านายพิชัยลงมือก่อเหตุเพียงคนเดียว น่าจะเป็นการวางแผน มีขบวนการ อีกทั้งสืบสวนทราบว่านายพิชัยค้างค่าเช่ารถแท็กซี่ของสหกรณ์สหมิตรมากว่าสัปดาห์แล้วและพบว่าบ้านที่พักอยู่ได้ขายไปแล้ว และอาจจะมีความเดือดร้อนเรื่องเงิน
ภายหลังแถลงข่าวเสร็จสิ้น นางเพ็ญศรี จารุกำเนิดกนก อายุ 60ปี เจ้าของร้านทองได้มอบช่อดอกไม้แสดงความขอบคุณเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมและตำรวจนครบาลที่เร่งรัดติดตามตัวนายพิชัยมาดำเนินคดีได้โดยเร็วพร้อมมอบเงินสด1แสนบาทสนับสนุนการทำงานของตำรวจนครบาลต่อไป