เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. ที่สำนักงานตำรวจภูธรภาค 5 พล.ต.ต.วัฒนา สักกวัตร รอง ผบช. ภ.5 พล.ต.ต.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิด ผบก.สส. พล.ต.ต.พรชัย พักตร์ผ่องศรี ผบก.ภ.จว.ลำปาง ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมนายประพัทธ์ บุญใบ อายุ 27 ปี ผู้ใหญ่บ้าน บ้านโนนม่วง หมู่ 15 ต.แวงน่าง อ.เมืองมหาสารคาม พร้อมของกลางโทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง เครื่องรับสัญญาณ 6 เครื่อง เอกสารการคำนวณสูตรการสอบ 1 ชุด สมุดบัญชีธนาคาร 3 เล่ม บัตรเอทีเอ็ม 6 ใบ และหนังสือคู่มือการสอบ 2 เล่ม
พล.ต.ต.วัฒนา เปิดเผยว่า ในการสอบนักเรียนนายสิบตำรวจเมื่อวันที่ 10 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยศูนย์ฝึกตำรวจภาค 5 จังหวัดลำปางเป็นเจ้าภาพสอบที่โรงเรียน18แห่ง มีผู้เข้าสอบ 28,000 กว่าคน ซึ่งในการสอบพบการทุจริตเป็นขบวนการ หลังจากนั้นได้ตรวจการทุจริตในกระดาษข้อสอบย้อนหลัง ก็พบรายที่กระทำความผิดอีก 17 ราย รวมทั้งหมดในเขตพื้นที่ภาค 5 จำนวน 21 ราย และยังพบว่าในจำนวนผู้เข้าสอบทั้งหมด 18 สนามสอบ ทั้งสิ้น 28,000 ราย มีผู้ไม่เข้าสอบถึง 4,900 ราย มีเอเย่นต์หาลูกค้าและเป็นนายหน้าอยู่ 3 ราย สายแรกเป็นสายห้างฉัตร มีว่าที่ ร.ต.เอกชัย ใจคำท้าว อายุ 26 ปี เป็นแกนนำ ถูกจับกุมไปแล้ว อีกสายเป็นสายพะเยา - น่าน มี ร.ต.ต.เพชร พรหมทวีพร รอง สวป. สภ.เชียงม่วน จ.พะเยา อายุ 56 ปี เป็นแกนนำ ถูกจับไปแล้วเช่นกัน ส่วนนายประพัทธ์ถือเป็นรายที่สาม มาจากสายมหาสารคาม โดยเอาเด็กที่จะสอบจาก จ.มหาสารคาม ขึ้นรถตู้ 9 คน มาสอบที่ จ.ลำปาง ซึ่งสายของว่าที่ ร.ต.เอกชัย กับ ร.ต.ต.เพชร คิดรายละ 20,000 - 30,000 บาท แต่รายของนายประพัทธ์ คิดแค่ 5,000 บาท เฉพาะอุปกรณ์ หากสอบได้ก็จะต้องจ่ายเพิ่มอีก 250,000 - 300,000 บาท หลังการสอบสวนผู้กระทำความผิดแล้ว จึงได้ขออนุมัติออกหมายจับและติดตามไปจับกุมที่บ้านพักใน จ.มหาสารคาม
วันที่ 18 มิ.ย. ที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร) เมื่อเวลา 14.00 น. พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร .เป็นประธานการประชุมความคืบหน้าการสืบสวนสอบสวนขบวนการทุจริตการสอบเข้าเป็นตำรวจชั้นประทวน โดยมีพล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น พล.ต.ท.เจตน์ มงคลหัตถี ผู้่ชวย ผบ.ตร. พล.ต.ท.เรืองศักดิ์ จริตเอก ผบช.ศ. พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบก.สส.บช.น. รวมถึง ร.ต.อ.หญิง เสาวนีย์ แสวงผล ผอ.สำนักงานตรวจสอบและวิเคราะห์ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง โดยวีดิโอคอนเฟอร์เร็นซ์ไปยัง บช.ภ. ต่าง ๆ ทั่วประเทศ ใช้เวลาการประชุมประมาณ 2 ชม.
พล.ต.อ.ปานศิริ เปิดเผยว่า ขณะนี้มีความคืบหน้าการสืบสวนอย่างต่อเนื่องไปมาก ล่าสุดสามารถจับกุมผู้กระทำผิดที่เป็นเครื่อข่ายของขบวนการนี้ได้ 32 รายแล้ว ในจำนวนนี้มี 6 รายที่หลบหนีอยู่ และหนึ่งในนี้คือ นายวิบูลย์ศักดิ์ หรือ อบ แสนจักร์ ที่ได้เผยแพร่รูปภาพให้สื่อทราบแล้ว เราทราบว่าคนนี้เป็นฝ่ายเทคนิคของขบวนการนี้ เป็นผู้สั่งซื้อเครื่องส่งและรับสัญญาณ นอกจากนี้ยังเป็นตัวกลางสำคัญที่คอยประสานไปยังผู้ต้องหาอีกกลุ่มหนึ่ง ซึ่งถือว่าเป็นหัวหน้าใหญ่ของขบวนการนี้ เมื่อสอบสวนไปยังเครือข่ายต่าง ๆ ก็กล่าวอ้างมายังนายวิบูลย์ศักดิ์ ทำให้เชื่อได้ว่านายวิบูลย์ศักดิ์ เป็นทั้งฝ่ายประสานด้านวิชาการ และเทคนิค จึงกำชับในที่ประชุมให้ พล.ต.ท.กฤษฏา หัวหน้าทีมสืบสวน เร่งติดตามจับกุมตัวให้ได้ และจากข้อมูลนายวิบูลย์ศักดิ์ยังหลบหนีอยู่ในกรุงเทพมหานคร
พล.ต.อ.ปานศิริ กล่าวด้วยว่า ได้สั่งการในที่ประชุมให้ดำเนินการใน 3 ส่วนสำคัญ เรื่องแรก การสืบสวนสอบสวน จากการดำเนินการที่ผ่านมา พบว่า นอกจาก บช.ภ. 2, 3, 5, 6, 9 และ ศชต. ที่พบการกระทำผิด ยังพบ บช.อื่น มีการทุจริตด้วย จึงได้สั่งการให้ตรวจข้อสอบทั้งหมด เพื่อหาหลักฐานโดยเชื่อว่ามีการทุจริตข้อสอบในทุกบช.
พล.ต.อ.ปานศิริ กล่าวต่อว่า สำหรับข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน เป็นความผิดมูลฐานในการยึดทรัพย์ตามกฎหมาย ปปง.จึงได้เชิญผู้แทนจาก ปปง. มาร่วมประชุมด้วย และจะเน้นการยึดทรัพย์หัวหน้าระดับแกนนำ ซึ่งขณะนี้ได้ดำเนินการไปแล้วใน บช.ภ. 3 เครือข่ายนางเตือนใจ พงษ์พันธ์ ครูโรงเรียนแห่งหนึ่งในจ.ศรีสะเกษ ส่วนตำรวจที่มีการพาดพิงจากผู้เข้าสอบหรือผู้ต้องหา ต้องถูกดำเนินการทางวินัยและปกครองก่อน โดยการให้ออกนอกพื้นที่ หากพบหลักฐานว่ามีส่วนร่วมในขบวนการทุจริตจริงจะมีความผิดทางอาญาและดำเนินการทางวินัย สำหรับแนวทางการจัดหาสถานที่สอบใหม่ที่ก่อนหน้านี้มีการเสนอทีวัดธรรมกาย จ.ปทุมธานีนั้น เห็นว่าการจัดสอบที่เดียว จะมีปัญหาการจราจร จึงมีแนวทางให้ลดจำนวนห้องสอบลงจากเดิม 6,237ห้องสอบ ส่วนสถานที่จะใช้มหาวิทยาลัยต่าง ๆ โดยความชัดเจนจะมีการแจ้งให้ทราบเป็นทางการต่อไป
ด้าน พล.ต.ต.รณศิลป์ กล่าวถึงของกลางที่เป็นเครื่องส่งและรับสัญญาณว่า เป็นอุปกรณ์ที่ยึดได้จากเครือข่ายทุจริตการสอบที่ซ่อนอยู่ในเสื้อและเดินอยู่นอกห้องสอบ เป็นตัวเปลี่ยนสัญญาณโทรศัพท์เป็นสัญญาณวิทยุ ก่อนจะมีการส่งสัญญาณไปยังผู้เข้าสอบ มีรัศมีการส่งมากกว่าสัญญาณโทรศัพท์ และเครื่องตัดสัญญาณโทรศัพท์ก็ไม่สามารถตัดได้ สำหรับที่มาของเครื่องดังกล่าวนั้น ผลิตในประเทศไทย นายวิบูลย์ศักดิ์ เป็นคนสั่งซื้อเครื่องส่งสัญญาณมือถือ 80 เครื่อง ราคา 4-5 พันบาท จากบริษัทแห่งหนึ่ง ส่วนเครื่องส่งสัญญาณวิทยุสืบจากแผ่นปรินซ์สีเขียว ที่ผลิตจากเมืองไทย นายวิบูลย์ศักดิ์ก็สั่งซื้อมาจากบริษัทต่าง ๆ โดยมีการสั่งซื้อไว้กับบริษัทแห่งหนึ่งไว้ถึง 800 แผ่น แต่ขณะนี้ยังไม่ได้ไปรับสินค้าและยังไม่มีการขอเงินมัดจำคืน จึงสรุปว่านายวิบูลย์ศักดิ์ เป็นหัวหน้าฝ่ายเทคนิค โดยประวัติเป็นวิศวกรที่ทำสัญญาณกันขโมยตามบ้าน แต่การประกอบเครื่องตัดสัญญาณมือถือน่าจะมีลูกมืออยู่หลายคน