คดีคนร้ายบุกเดี่ยวปล้นทอง ร้านทอง "ทองโรจน์" กลางเมืองภูเก็ต เป็นการกระทำที่อุกอาจท้าทายกฎหมายยิ่งนัก
ที่สำคัญ คนร้ายทำงานอย่างรัดกุมและเตรียมการมาเป็นอย่างดี ควงปืนสั้นสวมหมวกกันน็อกเต็มใบ ใส่วิกผม นุ่งกางเกงขายาวลายทหาร ลงมือปฏิบัติการเพียงไม่กี่นาทีก็หอบทองรูปพรรณไปได้มูลค่านับล้าน แถมยังรู้มุมกล้องหลบหลีกหน้าตาไม่ให้เห็นหน้าได้ชัดอีกต่างหาก
เปิดวงจรปิดล่าโจร ปฏิบัติการปล้นทอง3 นาทีกวาด 1 ล้าน
เป็นมืออาชีพที่กล้าท้าทายตำรวจ
ปฏิบัติการปล้นทองเกิดขึ้นตอนสายวันที่ 27 ม.ค. ตำรวจเมืองภูเก็ตรับแจ้งเหตุคนร้ายควงปืนปล้นทองที่ร้านทอง "ทองโรจน์" หน้าโครงการหมู่บ้านภูเก็ตวิลล่าดาวรุ่ง ม.2 ถ.เจ้าฟ้าตะวันออก ต.วิชิต กลางเมืองภูเก็ต
พ.ต.อ.ชลิต ถิ่นธานี รอง ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต พ.ต.ต.เฉลิมชัย เหิรสวัสดิ์ สว.กลุ่มงานสืบสวน ภ.จว.ภูเก็ต พ.ต.ต.พงศ์นรินทร์ สุทิน สวป.เมือง พ.ต.ต.นนน ด่านพิทักษ์กุลธร สารวัตรเวร พร้อมเจ้าหน้าที่วิทยาการจึงนำกำลังรุดไปตรวจสอบ
เกิดเหตุร้ายขึ้นแล้วกลางเมืองท่องเที่ยวแห่งนี้
ที่เกิดเหตุมีประชาชนจำนวนมากมุงดูเหตุการณ์ด้วยความสนใจ ร้านทอง "ทองโรจน์" ตั้งอยู่ในอาคารพาณิชย์ 3 ชั้นด้านล่างเปิดขายทองรูปพรรณทั่วไป
จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบสร้อยคอทองคำตกเกลื่อนกระจายไปทั่วบริเวณร้าน บานกระจกตู้ทองถูกเลื่อนออก เหลือแต่ตะขอแขวนทองส่วนทองรูปพรรณถูกคนร้ายนำเอาไป จากการตรวจสอบอย่างละเอียด พบสร้อยคอทองคำหนัก 3 บาท 4 เส้น สร้อยข้อมือหนัก 3 บาท 1 เส้น สร้อยคอทองคำหนัก 2 บาท 8 เส้น สร้อยข้อมือหนัก 2 บาท 4 เส้น สร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท 43 เส้น สร้อยข้อมือหนัก 1 บาท 13 เส้น สร้อยคอทองคำหนัก 2 สลึง 24 เส้น รวมน้ำหนัก 107 บาท รวมมูลค่าล้านกว่าบาทที่คนร้ายได้ไป
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังพบแผงที่ใส่ทองคำตกอยู่ที่พื้น
มีรอยรองเท้าผ้าใบของคนร้ายซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เก็บไว้เป็นหลักฐาน
ตำรวจทำการตรวจสอบวิดีโอวงจรปิดที่ติดตั้งอยู่ภายในร้าน พบว่าคนร้ายเป็นมืออาชีพลงมือและใช้อาวุธได้อย่างชำนาญ ใช้เวลาเพียง 3-5 นาทีเท่านั้นก็ได้ทองคำไป
ที่สำคัญ มันเตรียมการมาเป็นอย่างดี มีการอำพรางตัว และคาดว่าคนร้ายน่าจะรู้ว่าทางร้านมีกล้องวิดีโอวงจรปิดติดอยู่ จึงพยายามหันข้างให้กล้อง คาดว่าคนร้ายน่าจะมาดูลาดเลาเอาไว้ก่อนจะลงมือ ดังนั้น เจ้าหน้าที่จะได้ทำการตรวจสอบย้อนหลังดูภาพวงจรปิด หาบุคคลต้องสงสัยที่เข้ามาดูลาดเลาในร้านก่อนเกิดเหตุ
ทุกอย่างน่าจะรวมอยู่ในกล้องวงจรปิด
น.ส.สุธาทิพย์ เจดีย์พราหมณ์ อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 26/1 ม.4 ต.เกาะแก้ว อ.เมือง จ.ภูเก็ต พนักงานประจำร้าน ให้การว่า หลังจากเปิดร้านได้เพียงไม่กี่นาที ซึ่งขณะนั้นตนอยู่ภายในร้านพร้อมกับเพื่อนพนักงานซึ่งเป็นผู้หญิงอีก 3 คน จู่ๆ คนร้ายเป็นชายใส่หมวกกันน็อกสีดำแบบเต็มใบ
สวมวิกผมหยิกแบบยาวถึงหลัง สวมเสื้อแขนยาวสีดำ ใส่ถุงมือสีดำ กางเกงขายาวลายทหาร ก็เดินเปิดประตูร้านเข้ามาอย่างฉับไว พร้อมชักอาวุธปืนสั้นสีดำชนิดแม็กกาซีนออกมาจากเอว จ่อเล็งมาทางที่พวกตน จึงเกิดความตกใจส่งเสียงร้องลั่น จากนั้นคนร้ายได้เดินอ้อมเข้ามาทางด้านข้าง สั่งให้ทุกคนเงียบและบอกว่าห้ามกดสัญญาณฉุกเฉินหรือโทร.แจ้งตำรวจ มิเช่นนั้นจะไม่รับประกันความปลอดภัย
คนร้ายได้ใช้อาวุธปืนเล็งมาที่ดิฉัน
"และขู่ว่าจะฆ่าให้ตาย หากไม่ทำตามคำสั่ง ดิฉันจึงยกมือไหว้ขอชีวิต โดยคนร้ายบังคับให้หยิบสร้อยทองคำที่อยู่บนแผงข้างฝาผนังใส่กระเป๋าสะพายที่เตรียมมา หยิบทองไปจากแผงทั้งหมด 7 แผง จำนวนหลายเส้น เมื่อคนร้ายได้ทองตามที่ต้องการ จึงวิ่งออกไปนอกร้านและขึ้นรถมอเตอร์ไซค์ขับหนีไป ตอนนั้นพวกเราตกใจมาก วิ่งออกไปหน้าร้านและร้องขอให้คนช่วยและแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ" น.ส.สุธาทิพย์ให้การเสียงสั่น
นายไพรัช ทองโรจน์ อายุ 40 ปี เจ้าของร้านทอง"ทองโรจน์"
กล่าวว่า ขณะเกิดเหตุไม่ได้อยู่ที่ร้าน เปิดร้านได้เพียงไม่กี่เดือนก็โดนปล้นจนได้ ส่วนทองคำที่หายไปเพิ่งนำมาลงที่ร้านได้ไม่ถึง 3 วัน ก็มาถูกปล้น อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีโดยเร็ว เนื่องจากคนร้ายลงมืออย่างอุกอาจปล้นเย้ยกฎหมายกลางเมือง
การปล้นทองเย้ยกฎหมายครั้งนี้
ตำรวจภูเก็ตยังคงจัดกำลังตามล่าคนร้ายอย่างกระชั้นชิด แบ่งกำลังออกเป็น 3 ชุด ประกอบด้วย ชุดสืบสวนจังหวัดภูเก็ต ชุดสืบสวนสภ.อ.เมืองภูเก็ตและชุดเฉพาะกิจ ตามประกบบุคคลต้องสงสัยทุกคนที่เข้าข่าย พร้อมติดตามความเคลื่อนไหวในแหล่งที่คาดว่าคนร้ายจะนำทองไปจำหน่าย
มีการนำภาพในทีวีวงจรปิดมาเปิดดูบุคคลต้องสงสัยก่อนเกิดเหตุ พบว่าก่อนเกิดเหตุ 2 วัน มีชายต้องสงสัย 2 คน ท่าทางมีพิรุธทำทีเข้ามาเลือกซื้อทอง แต่ไม่ยอมพูดอะไร เข้ามาเดินดูแล้วก็เดินออกไป ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้ตามตัวมาสอบสวนขยายผลต่อไป นอกจากนี้ จะได้ตรวจสอบข้อมูลจากร้านจำหน่ายหมวกกันน็อก วิกผมและร้านเช่ารถจักรยานยนต์ในพื้นที่อีกด้วย
ในห้วงนี้เจ้าของร้านทอง "ทองโรจน์" กับชมรมร้านทองภูเก็ต ลงขันตั้งเงินรางวัลให้ 3 แสนบาทหากใครให้เบาะแสสำคัญกับตำรวจในการติดตามจับกุมคนร้าย
สำหรับเหตุการณ์การปล้นร้านทองครั้งนี้ พฤติกรรมคนร้ายทำคล้ายๆ กับการปล้นร้านทอง "บีอาร์" เมื่อหลายเดือนก่อนหน้านี้ โดยคนร้ายแต่งตัวคล้ายกัน และใช้อาวุธปืนลักษณะเดียวกัน ซึ่งจนถึงขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยังไม่สามารถจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีได้
ขอขอบคุณ
ข้อมูลที่มีคุณภาพ
จาก หนังสือพิมพ์ข่าวสด