วานนี้( 13 มิ.ย.) ร.ต.ท.เมธี ภิญโญประการ ร้อยเวร สภ.เมืองตรัง รับแจ้งเหตุลักทรัพย์ที่ร้านขายของชำ ถนนตรัง-ปะเหลียน ต.โคกหล่อ อ.เมือง จ.ตรัง
ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับบ้านพักของ พ.ต.อ.ธรรมนูญ ไตรทิพย์พงศ์ รองผบก.ภ.จว.ตรัง และอยู่ติดกับทางออกห้างแม็คโคร หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวน สภ.เมืองตรัง และเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานจังหวัดตรัง รุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุเป็นบ้านสองชั้นครึ่ง เปิดเป็นร้านขายของชำ พบผู้เสียหายยืนคอยอยู่บริเวณหน้าร้านด้วยอาการตื่นตกใจ ทราบชื่อคือ นางเยาวดี วัฎิสุ อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1 หมู่ 2 ถนนตรัง-ปะเหลียน ต.โคกหล่อ อ.เมือง จ.ตรัง
จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจพบ เงินสดที่ใส่ไว้ในลิ้นชักโต๊ะเก็บของบริเวณชั้นล่างของบ้าน ได้สูญหายไปจำนวนกว่า 3,000 บาท
และเงินสดในกระเป๋าสะพายสีดำวางอยู่บนเก้าอี้ยาวใกล้กัน ได้หายไปด้วย จำนวน 50,000 บาท นอกจากนี้ยังพบร่องรอยคนร้ายปืนขึ้นทางกำแพงหลังบ้านชั้นสอง ซึ่งติดกับด้านหน้าของห้างแม็คโคร และได้งัดหน้าต่างเข้ามาตัดมุ้งลวด เพื่อบุกเข้ามาภายในห้องนอนของลูกสาวเจ้าของบ้าน ซึ่งนอนอยู่เพียงลำพัง ก่อนขโมยทรัพย์สินที่ชั้นล่างของบ้านและย้อนหนีกลับไปทางเดิม
จากการสอบถาม นางเยาวดี เจ้าของบ้าน ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุช่วงค่ำที่ผ่านมา ตนได้กลับจากส่งพ่อและแม่ที่อำเภอย่านตาขาว
ต่อมาก็ได้นำกระเป๋าที่ใส่เงินสดไว้ จำนวนกว่า 50,000 บาท วางไว้บนเก้าอี้ยาวภายในบ้าน ก่อนจะขึ้นนอน และตื่นเช้ามาก็พบว่า เงินสดที่ใส่ไว้ในกระเป๋าได้สูญหายไป พร้อมทั้งเงินที่ขายของได้ภายในร้านซึ่งใส่ไว้ในลิ้นชักก็หายไปด้วย แต่ก็เป็นโชคดีที่คนร้ายไม่ได้ทำอะไรลูกสาวของตน ซึ่งนอนหลับอยู่ภายในห้องที่คนร้ายได้ตัดมุ่งลวดและปืนเข้ามาขโมยทรัพย์สิน อย่างไรก็ตามตนก็อาศัยอยู่ที่นี้มานานหลายปี และไม่เคยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน
เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ เชื่อว่า คนร้ายน่าจะเป็นคนใกล้ชิดผู้เสียหายและครอบครัว เนื่องจากไม่ได้รื้อค้นทรัพย์สินใดๆ ภายในบ้าน
โดยคนร้ายลงมือเจาะจงเอาเพียงเงินสดอย่างเดียว และไม่ได้ทำร้ายลูกสาวของเจ้าของบ้าน รวมทั้งยังทราบความเคลื่อนไหวของเจ้าของบ้านเป็นอย่างดี อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะเก็บรวบรวมวัตถุพยานที่คนร้ายทิ้งไว้ พร้อมกับประสานไปยังห้างแม็คโคร เพื่อขอดูกล้องวงจรปิดบริเวณหน้าห้าง เพื่อเป็นข้อมูลในการติดตามตัวของร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป