วันนี้ ( 11 มิ.ย.) ที่ห้องประชุมสารสิน สำนักงานตำรวจภูธรภาค 3 พล.ต.ต.จักรทิพย์ โหละสุตสกุล รอง ผบช.ภ.3 พร้อมด้วย พล.ต.ต.กรกต สาริยา รอง ผบช.ภ.3 พล.ต.ต.วิสาร์ท สมปราชญ์ ผบก.ศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 3 พล.ต.อ.องอาจ ผิวเรืองนนท์ ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา และ พ.ต.อ.วชิรวิชญ์ กฤษณ์ฤทธิศักย์ รอง ผกบ.ภ.จว.นครราชสีมา พ.ต.อ.สนธยา แต่แดงเพชร ผกก.สภ.เมืองนครราชสีมา ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุมแก๊งโกงข้อสอบเข้าโรงเรียนตำรวจโดยสามารจับกุมผู้สมัครสอบ ที่ทุจริตได้กว่า 30 คน ผู้ที่ประสานงานในการโกงข้อสอบและรับหน้าที่ขนผู้สมัครมาเข้าห้องสอบ พร้อมแจกอุปกรณ์การทุจริตได้อีกรวบ 5 คน พร้อมสดกว่า 10 ล้านบาท และอุปกรณ์ส่งสัญญาณ ที่ซุกอยู่ในเสื้ออีก 2 ชุด อุปกรณ์รับสัญญาณที่ยึดได้จากตัวผู้สมัครสอบอีก 22 เครื่อง
ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมประกอบด้วย นางเตือนใจ พงษ์พันธ์ อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 555/37 หมู่ 10 ต.โพธิ์ อ.เมืองศรีสะเกษ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งทำหน้าที่ประสานงานหาผู้ตัวผู้สมัครสอบ และเก็บรวบรวมเงินทั้งหมดไว้ นายธนกร วิเศษ อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 49 หมู่ 9 ต.หนองไฮ อ.อุทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษ ซึ่งอ้างว่าทำหน้าที่ขับรถ และแจกอุปกรณ์สื่อสารให้ผู้สมัครสอบ ส่วนนาง ศตพร วิเศษ อายุ 37 ปี ภรรยา นายธนกร อ้างว่าไม่รู้เรื่อง อ้างตามมาช่วยดูแลลูกของนางเตือนใจ ที่ร่วมเดินทางมาด้วย ส่วนผู้ที่ถูกควบคุมตัวอีก 2 คน คือ นายปัญญาศักดิ์ นิลเพียร อายุ 30 ปี และนายสมชาย แสงทอง อายุ 49 ปี ซึ่งเป็นคนขับรถตู้รับส่งนักเรียนทั้งหมด ยืนยันไม่มีส่วนรู้เห็นการการทุจริตสอบ อ้างรับจ้างขับรถตู้รับส่งผู้สมัครสอบทั้งหมดโดยไม่ได้เกี่ยวข้องกับการทุจริตสอบแต่อย่างใด
การจับครั้งนี้สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 10 มิ.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบทราบว่าอาจจะมีการทุจริตสอบ ในการสอบบรรจุเข้าโรงเรียนนายสิบตำรวจภาค 3 จึงกระจายกำลังเฝ้าระวังตามสนามสอบต่าง ๆ ทั้ง 22 แห่ง จากนี้ในช่วงก่อนปล่อยให้ผู้สมัครเข้าห้องสอบพบที่ สนามสอบ ร.ร.สุขานารี เจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึด อุปกรณ์สื่อสาร ได้จากตัวผู้สมัครคนหนึ่ง จึ่งมั่นใจว่า ในการสอบครั้งนี้น่าจะมีการทุจริต
จากนั้น พล.ต.ท.จักรทิพย์ จึงลงพื้นที่ตรวจสอบด้วยตนเอง โดยประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจให้กระจายกำลังเฝ้าระวังทุกสนามสอบ พร้อมกับนำอุปกรณ์สื่อสารที่ตรวจยึดได้มาเก็บไว้ พร้อมกับปล่อยให้ผู้สมัครสอบเข้าห้องสอบไปตามปกติ ซึ่งในช่วงท้ายของการทำข้อสอบ ได้มีสัญญาณสั่นดังขึ้นจากอุปกรณ์ที่ยึดได้อย่างต่อเนื่อง หลังจากหมดเวลาการสอบเจ้าหน้าที่ที่เฝ้าระวังตามจุดต่าง ๆ จึงติดตามพฤติกรรมผู้สมัครที่มีพิรุธ และเข้าตรวจค้นตัวจนสามารถตรวจยึดอุปกรณ์สื่อสารดังกล่าวได้ทั้งหมด 22 เครื่อง ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยที่คาดว่าจะทุจริตมาได้ 34 คน
ซึ่งจากการสืบสวนเบื้องตนในช่วงที่จับกุมได้ ส่วนใหญ่ให้การว่าขึ้นรถตู้จากศรีสะเกษมาด้วยกัน 3 คันรถ และเข้าพักที่ โรงแรมแห่งหนึ่งในตัวเมืองโคราชก่อนที่จะรับแจกอุปกรณ์สื่อสารกันในช่วงเช้า และแยกย้ายกันเข้าห้องสอบ ซึ่งเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.ภูมิ ทองโพธิ์ สว.สส.สภ.เมืองนครราชสีมา พร้อมกับกำลังทำการควบคุมตัวผู้สมัครไปเค้นสอบ ก่อนที่จะทำการขายผลติดตามจับกุมนางเตือนใจได้ที่โรงแรม พร้อมเงินสดบางส่วน และอุปกรณ์ส่งสัญญาณ ที่ซุกอยู่ในเสื้อจำนวน 2 ชุด ก่อนที่จะขายผลไปยึดเงินสด ได้ที่บ้านของนางเตือนใจได้ที่ จ.ศรีสะเกษ อีกส่วนหนึ่งรวมเป็นเงิน ทั้งหมดจำนวน 10,500,000 บาท
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวนางเตือนใจ และนายธนกร ดำเนินคดีในข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และมีเครื่องวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพันนักงาน ส่งตัวดำเนินคดตามกฎหมาย เนื่องจากมีหลักฐานชัดเจน และกับเตรียมขยายผลติดตามจับกุมผู้รวมขบวนการมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ส่วนผู้ที่อ้างว่ามีหน้าที่ขับรถก็จะได้มีการสืบสวนหาข้อเท็จจริงต่อไป ในส่วนของผู้สมัครสอบที่ถูกควบคุมตัวก็จะได้กันเป็นพยานในคดีดังกล่าว และปล่อยตัวไป
ด้าน นางเตือนใจ ให้การรับสารภาพว่า ทำหน้าที่ ประสานหาผู้สมัครสอบ และเก็บเงินล่วงหน้าบางส่วนโดยทำเป็นสัญญาเงินกู้ไว้ หรือบางรายก็จ่ายให้หมดเลย เมื่อสอบผ่านข้อเขียนประกาศชื่อแล้วก็จะเอาเงินทั้งหมดของผู้สมัครที่สอบผ่านไป ส่วนคนที่สอบไม่ผ่านก็จะคืนเงินให้ทั้งหมด โดยแต่ละรายจะต้องจ่าย 3-4 แสนบาท แล้วแต่จะตกลง
โดยในการสอบครั้งนี้ ทั้งพื้นที่ภาค 2 และ ภาค 6 รวมกับภาค 3 มีการติดต่อคนเข้าร่วมทุจริตสอบกว่า 150 คน ซึ่งจะมีผู้มาประสานกันอีกทีที่ทำหน้าที่นำอุปกรณ์สื่อสารดังกล่าวมาให้ที่โรงแรม โดยไม่รู้ว่าเป็นใครมาจากไหน มีหน้าที่เพียงประสานงาน เก็บเงินทั้งหมดไว้ และแนะนำวิธีการใช้อุปกรณ์สื่อสารดังกล่าวให้กับผู้สมัครสอบ พร้อมบอกวิธีใช้งาน ก่อนที่จะถูกติดตามจับกุมตัวได้ดังกล่าว
ด้าน พล.ต.ต.จักรทิพย์ เปิดเผยว่า หลังจากสืบทราบว่าในการสอบครั้งนี้อาจจะมีการทุจริตการสอบ จึง วางกำลังเตรียมจับกุมด้วยการกระจายกำลังตามสนามสอบทุกจุด พร้อมกับมีการตรวจตราอย่างเข้มข้นจนพบการทุจริต และติดตามจับกุมได้ดังกล่าว
จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า อุปกรณ์ที่ตรวจพบในตัวผู้สมัคร เป็นเครื่องรับสัญญาณ ซึ่งทำงานระบบสั่น โดยมีเครื่องส่งที่ตรวจยึดได้ที่ซุกอยู่ในเสื้ออีก 2 ชุดที่มีส่วนประกอบของซิมโทรศัพท์อยู่ด้วย ซึ่งจะทำหน้าที่ รับสัญญาณมาจากแม่ข่ายซึ่งอยู่ที่อื่น และส่งสัญญาณต่อไปยังเครื่องรับที่ถูกซุกไว้ในตัวผู้สมัตรสอบ จึงทำให้ยากต่อการจับกุม เนื่องจากไม่เป็นการใช้รถส่งสัญญาณเหมือนที่ผ่านมา เพราะตัวส่งสัญญาณถูกซุกอยู่ในเสื้อที่สามารถเดินไปมาได้ในบริเวณที่มีการสอบ สามารถส่งสัญญาณได้ประมาณ 300 เมตร ส่วนตัวแม่ข่ายที่เป็นต้นทางที่ส่งสัญญาณมาให้ ทำงานอยู่ที่ไหนก็ได้ จึงทำให้ยากต่อการจับกุมตัวแม่ข่ายได้
รอง ผบช.ภ.3 กล่าวอีกว่า ในส่วนของการดำเนินการกับผู้สมัครสอบ ในสวนของผู้ที่สามารถตรวจยึดอุปกรณ์ได้มีหลักฐานอย่างชัดเจน ก็จะทำการตัดสิทธิการสอบในครั้งนี้ ในส่วนของการสอบทั้งหมดจะยกเลิกหรือไม่ก็แล้วทาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป.