ดีเอสไอรับไม้ตร.ภาค5เร่งทลายเครือข่ายยาซูโดฯ

ดีเอสไอรับไม้ตร.ภาค5เร่งทลายเครือข่ายยาซูโดฯ

วันนี้ (6 มิ.ย.) ที่ห้องประชุม กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 พล.ต.ต.ชำนาญ รวดเร็ว รอง ผบช.ภ.5 นายสรรเสริญ ปาลวัฒน์วิไชย รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.ท.พงศ์อินทร์ อินทรขาว ผู้บัญชาการสำนักคดีความมั่นคง กรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมคณะ ได้เข้าร่วมประชุมพร้อมกับพนักงานสอบสวน และชุดสืบสวนของตำรวจภูธรภาค 5 เพื่อสรุปความคืบหน้าในการดำเนินการและส่งสำนวนการสอบสวนในคดีเกี่ยวเนื่องกับยาแก้หวัดที่มีส่วนผสมของสารซูโดอีเฟดรีน

ทั้งนี้ ในส่วนของคดีที่เกิดขึ้นในพื้นที่ของตำรวจภูธรภาค 5 มีทั้งหมด 13 คดี เริ่มจากคดีที่สถานีตำรวจภูธรแม่ใจ จ.พะเยา ที่พบซองยาแก้หวัดที่มีสูตรผสมของสารซูโดอีเฟดรีน จำนวน 4 แสนเม็ด คดีที่สถานีตำรวจภูธรเชียงแสน จ.เชียงราย ที่พบเม็ดยาบรรจุในกระสอบจำนวน 7 กระสอบ จำนวนเม็ดยาที่มีส่วนผสมของสารซูโดอีเฟดรีนที่แกะจากซองจำนวน 1,569,000 เม็ด ซึ่งกำลังจะถูกส่งข้ามไปยังประเทศเพื่อนบ้าน คดีที่สถานีตำรวจภูรอำเภอสันกำแพง จ.เชียงใหม่ ที่พบซองยาแก้หวัดที่มีส่วนผสมของสารซูโดอีเฟดรีนจำนวน 1 ล้านเม็ด พบในบ้านเช่าใกล้เคียงกับที่พบซองยาอีกจำนวน 130,600 เม็ด คดีที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอแม่อาย จ.เชียงใหม่ ที่พบซองยาแก้หวัดจำนวนกว่า 2 แสนเม็ด ถูกทิ้งไว้ริมแม่น้ำกก คดีที่สถานีตรวจภูธรอำเภอสันกำแพง ที่พบซองยาแก้หวัดที่ ต.สันกำแพงกว่า 1 ล้านเม็ด คดีที่สถานนีตำรวจภูธรตำบลช้างเผือก จ.เชียงใหม่ ที่พบการปลอมแปลงเอกสารจากโรงพยาบาลเอกชนสั่งซื้อยาจำนวน 6 หมื่นเม็ด แล้วไม่นำส่งโรงพยาบาล คดีที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอเมือง จ.เชียงใหม่ ที่พบการปลอมแปลงเอกสารของโรงพยาบาลเอกชนสั่งซื้อยา จำนวน 3 คดี คดีที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอเมือง จ.ลำพูน ที่พบการสั่งซื้อยาจากโรงพยาบาลเอกชนการปลอมแปลงเอกสารการสั่งซื้อยาจำนวน 9.2 หมื่นเม็ด จำนวน 2 คดี และคดีที่สถานีตำรวจภูธร ต.แม่ปิง ที่พบว่ามีการปลอมแปลงเอกสารจากโรงพยาบาลเอกชนสั่งซื้อยาจำนวนมากอีก 2 คดี

พล.ต.ต.ชำนาญ กล่าวว่า ในคดีทั้งหมดได้มีการติดตามสืบสวนสอบสวนและออกหมายจับผู้เกี่ยวข้อง และสอบสวนหาความเชื่อมโยงต่างๆ และได้มอบสำนวนคดีทั้งหมดให้ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ รับเป็นคดีพิเศษในการดำเนินการตามกฏหมายต่อไป แต่หากทางกรมสอบสวนคดีพิเศษต้องการให้ทางตำรวจภูธรภาค 5 สอบสวนเพิ่มเติมในคดีใดก็ตาม เราก็พร้อมจะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่

ด้านนายสรรเสริญ กล่าวว่า คดีทั้งหมดได้รับมาและได้ให้ทางอัยการสูงสุดของกรมสอบสวนคดีพิเศษทำการตรวจสอบ และให้ชุดทำงานลงพื้นที่เก็บรายละเอียดสืบสวนสอบสวนเพิ่มเติม โดยเราได้แยกคดีทั้งหมดเป็นสองส่วนใหญ่ คือ คดีที่เกี่ยวกับโรงพยาบาลของรัฐ และคดีที่เกี่ยวกับโรงพยาบาลของเอกชน ตอนนี้กำลังรอการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อที่จะออกหมายจับให้ไปถึงผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด รวมถึงผู้ที่รวบรวมยาทั้งหมดส่งออกไปยังโรงงานผลิตยาเสพติดเพื่อใช้เป็นสารตั้งต้นในการผลิตยาเสพติดด้วย การมาประชุมร่วมในวันนี้ทางเราได้ข้อมมูลสำคัญมากมายที่ทางชุดสืบสวนภาค 5 ดำเนินการไว้ให้และเราจะเร่งขยายผลต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังการประชุม ทางเจ้าหน้าที่ดีเอสไอได้นำตัวนายสุขุมชาติ กาญจนกามล อายุ 47 ปี ลูกชายเจ้าของโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่งใน จ.เชียงใหม่ พร้อมทั้งนางมยุรี หลวงเครื่อง อายุ 41 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดเชียงใหม่ที่ จ.286/2555 และจ.287/2555 ในข้อหาร่วมกันขายซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 โดยไม่ได้รับอนุญาต ร่วมกันปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอม มาสอบปากคำ ในคดีที่ทั้งสองคนร่วมกันปลอมแปลงเอกสารจากโรงพยาบาลเอกชนสั่งซื้อยา จำนวน 4 แสนเม็ด เพราะตัวนางมยุรี หลวงเครื่อง เป็นดีเลอร์ขายยาที่พัวพันคดีการสั่งซื้อยาจากโรงพยาบาลทั้งรัฐและเอกชนในจังหวัดและเป็นคนรับยาทั้งหมดไป จึงถือเป็นจิกซอร์สำคัญที่จะสืบสาวว่ายาทั้งหมดเมื่อสั่งซื้อและรับยาไปแล้วได้นำไปให้ใครต่อ

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในที่ประชุมทางชุดตำรวจภูธรภาค 5 ได้นำผังการสืบสวนสอบสวนที่เชื่อมโยงแก๊งค้ายาแก้หวัดที่มีส่วนผสมของสารซูโดอีเฟรดรีนทั้งหมดมาแสดง โดยสรุปแล้วถือว่าเป็นเครือข่ายใหญ่ โดยเริ่มจากเครือข่ายยาแก้หวัด จ.พะเยา ที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจยศ พ.ต.ท.หญิง เป็นคนสั่งซื้อยาโดยร่วมกับเจ้าของร้านขายยาในตัวเมืองเชียงใหม่สั่งซื้อยามาจำนวนมากและมาแกะเม็ดออก และส่งไปให้แม่ค้ารายหนึ่งที่ จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศพม่า เป็นคนรับซื้อยาทั้งหมด

ส่วนแก๊งที่สองที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ มีดีเลอร์ยาจากบริษัทยาชื่อดังที่ร่วมกับเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลเอกชน โรงพยาบาลรัฐ และคลีนิก ปลอมเอกสารสั่งซื้อยา จากนั้นดีเลอร์ยาก็จะรับยาทั้งหมดไปส่งให้กับเสี่ย ส. และนำไปแกะเม็ดโดยจะมีโรงงานแกะเม็ดที่ อ.สันกำแพง และอีกหลายอำเภอใน จ.เชียงใหม่ เมื่อแกะเม็ดเสร็จก็จะขนส่งไปที่ อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ หรือที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย เพื่อส่งต่อให้กับโรงงานผลิตยาเสพติดและนำยาเหล่านี้ไปผลิตเป็นสารตั้งต้นผลิตยาบ้าและยาไอซ์ ก่อนส่งกลับมาขายยังประเทศไทย ซึ่งทางเจ้าหน้าตำรวจมีผังโครงข่ายของเครือข่ายทั้งหมดและได้มอบให้ทางเจ้าหน้าที่ดีเอสไอขยายผลและออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดมาดำเนินคดีตามกฏหมายแล้ว.


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์