เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่กระต๊อบของ นายหวัน สร้อยรัมย์ อายุ 70 ปี และนางสมหวัง ทินารัมย์ อายุ 70 ปี สองสามีภรรยา
เพื่อนำเงินที่ได้บริจาคจาก บริษัท เชพ โรเลต สุรินทร์ และผู้ใจบุญที่แจ้งความประสงค์มอบเงินให้การช่วยเหลือเบื้องต้น โดยได้มอบให้สองตายายส่วนหนึ่งและอีกส่วนหนึ่งได้มอบให้ผู้ใหญ่บ้านเพื่อนำไปซื้อสังกะสีมาเปลี่ยนให้ใหม่ เพื่อบังแดดบังฝน แต่ก็ยังไม่เพียงพอ หวังผู้ใจบุญร่วมด้วยช่วยกันอีกแรง
นายณรงค์ศักดิ์ วิภาหัส ผู้ใหญ่บ้านบ้านหลักวอ ม.11 ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ เผยว่า นายหวัน และนางสมหวัง สองสามีภรรยา
มีฐานะยากจนไร้ที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง นายหวัน หูหนวกตาพร่ามัวแทบจะมองไม่เห็น ขาไม่มีเรี่ยวแรงที่จะเดิน ส่วนนางสมหวังตาพร่ามัวเช่นกัน แต่ยังพอมีแรงออกไปทำงานรับจ้างทั่วไป ก็ทำได้ไม่นานเพราะมีโรคประจำตัว ขณะนี้ มีเพียงน้ำใจจากคนในหมู่บ้าน ช่วยเหลือนำข้าวปลา อาหารมาให้พอประทังชีวิตไปวันๆ และชาวบ้านหลักวอส่วนใหญ่ มีฐานะยากจนหาเช้ากินค่ำ วอนผู้ใจบุญให้การช่วยเหลือ 2 ตายายด้วย
"ทุกวันนี้ได้เงินที่มาใช้จ่ายในแต่ละเดือน เพียงเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเดือนละ600 บาทต่อคน เงินที่ได้ต้องแบ่งมาซื้อปลายข้าวสารเก็บไว้หุงกิน ซื้อปลาร้า ปลาเค็ม เก็บไว้ประทังชีวิต ไม่มีบ้านเป็นของตัวเอง อาศัยเพียงกระต๊อบเพิงหมาแหงน มุงหญ้าแฝกบนเสาไม้จากไม้ต้นกระถินณรงค์ กันแดดแต่ไม่กันฝน พร้อมจะหักโค่นได้ทุกเวลา ห้องน้ำและที่ขับถ่ายก็ไม่มี เวลาอาบน้ำก็ต้องเดินไปตักไกลจากที่พักประมาณ 400 เมตร " นายณรงค์ศักดิ์ กล่าวและว่า ส่วนที่ดินที่ใช้ทำกระท่อมอาศัยอยู่เป็นที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย และเมื่อ 2 ปีก่อน สองตายายถูกการรถไฟฯ ขับไล่อ้างบุกรุก เมื่อออกไปจากที่รถไฟแล้ว ต้องเร่ร่อนขออาศัยตามบ้านญาติ บ้านลูกๆที่มีฐานะยากจนไม่ต่างกัน เมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา ได้ตัดสินใจกลับไปขอร้องการรถไฟฯอีกครั้ง เพื่อเข้าไปอาศัยอยู่ โดยมีข้อตกลงว่าขออยู่อาศัยแบบชั่วคราว จะไม่มีการปลูกสร้างบ้านที่ถาวร รอจนกว่าจะได้ที่อยู่ใหม่ก็พร้อมที่จะออกไปทันที่ การรถไฟฯยอมผ่อนผันให้ เนื่องจากเห็นแก่มนุษยธรรม
นายหวัน กล่าวต่อว่า สองตา ยาย มีลูก 2 คน ก็ไม่สามารถช่วยเหลือจุนเจือ หรือพึ่งพาใครได้ ลูกสาวมีครอบครัวแล้ว มีอาชีพรับจ้างเป็นแม่บ้าน ได้ค่าจ้างวันละ 150 บาท ต้องดูแลลูกหลายคนที่กำลังกำลังโต ส่วนสามีทำงานรับจ้างไปวันๆ ขณะที่ลูกชายอีกคนก็มีสติไม่ค่อยสมประกอบ
ด้าน ชาวบ้านหลักวอ บอกว่า ตาหวันและยายสมหวัง ยอมอดตายแต่ไม่ยอมไปเร่ร่อนขอทานใครกิน
ไม่เคยปริปากบอกเพื่อนบ้าน ทั้งที่บางทีก็ไม่มีข้าวจะกิน บางครั้งต้องทนอดข้าวถึง 3 วัน เมื่อชาวบ้านไปหาหรือพบเห็นก็จะเอาข้าวปลาอาหารไปให้กิน ได้แจ้งไปยังผู้ใหญ่บ้านหลักวอ หาทางช่วยเหลือตายายทั้ง2นี้ โดยวอนหน่วยงานของรัฐ และผู้มีจิตกุศลได้ช่วยเหลือ
อย่างไรก็ตาม นายณรงค์ศักดิ์ ได้พา น.ส.บุญธรรม ดีดวงแก้ว ลูกสาวของ 2 ตายาย ไปเปิดบัญชีเพื่อรอรับความช่วยเหลือจากผู้ใจบุญ โดยผู้ใหญ่บ้านและคณะกรรมการหมู่บ้านจะเป็นคนเก็บบัญชีไว้ สำหรับผู้ที่ต้องการช่วยเหลือสองตายายติดต่อได้ที่นายณรงค์ศักดิ์ วิภาหัส โทร.085-3015549 หรือโอนเงินเข้าบัญชี น.ส.บุญธรรม ดีดวงแก้ว ธนาคากรุงเทพ สาขาสุรินทร์ เลขที่บัญชี 980-9-22259-9