วันนี้ ( 22 พ.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ต.ท.หญิง ศิริกุล เจียรนัยขจร พยาบาล (สบ 3 ) รพ.ตำรวจ เป็นรองโฆษก รพ.ตำรวจ
เปิดเผยผลการชันสูตรซากศพเด็กทารกที่ถูกนำมาปลุกเสกเป็นกุมารทองว่า แพทย์นิติเวช 3รายได้ร่วมกันชันสูตรประกอบด้วย พ.ต.อ.นพ.ภวัต ประทีปวิศรุต พ.ต.ท.ปกรณ์ วะศินรัตน์ แพทย์นิติเวช รพ.ตำรวจและ รศ.พญ. สมบูรณ์ ธรรมเถกิงกิจ เลขาธิการสมาคมแพทย์นิติเวชแห่งประเทศไทย
ผลการตรวจพบว่าศพที่ 1 เป็นเพศชาย อายุ ครรภ์ 5-6เดือน สูง27.8ซม. ศพที่ 2 เพศชาย อายุครรภ์ประมาณ 7-8 เดือน สู 35 ซม.
ศพที่ 3 ไม่สามารถตรวจสอบเพศได้ อายุครรภ์ 5 เดือน สูง 25 ซม. ศพที่ 4 ไม่สามารถระบุเพศได้ อายุครรภ์ 3 เดือน ศพที่ 5 เป็นเพศชาย อายุครรภ์ 5 เดือน และศพที่6 ไม่สามารถระบุเพศได้อายุครรภ์ 4-5 เดือน โดยสามารถระบุอายุครรภ์ได้จากการคำณวนส่วนสูงและน้ำหนักของซากศพ
อย่างไรก็ตาม ศพที่ไม่สามารถระบุเพศได้ เนื่องจากศพมีลักษณะแห้งเกินไป จึงต้องตรวจดีเอนเออีกครั้ง
โดยศพที่ 3-6 และศพที่ 1 เสียชีวิตมาแล้วประมาณ 6-12 เดือน ส่วนศพที่ 2 เสียชีวิตมาแล้ว 1-3 เดือน โดยศพที่ 3-6 เสียชีวิตก่อนคลอด ส่วนศพที่ 1-2 ไม่สามารถตรวจสอบได้ ทั้งนี้จะส่งผลการชันสูตรไปยังพนักงานสอบสวนต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากพนักงานสอบสวนได้นำศพเด็กทารกมายังนิติเวชเพื่อผ่าชันสูตร
กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของความเชื่อต่าง ๆ ของศพเด็กที่นำมาปลุกเสกเป็นกุมารทอง เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่มีการนำซากเด็กทารกที่ถูกปลุกเสกมาชันสูตรเป็นครั้งแรก โดยศพทั้งหมดที่นำมาผ่าชันสูตรจะอยู่ด้านล่างของอาคารสถาบันนิติเวช เจ้าหน้าที่ที่ทำงานอยู่บางรายก็บอกว่า ได้ยินเสียงเด็กร้อง แต่ไม่แน่ใจอาจเป็นการอุปทานไปเองก็เป็นได้