ที่ศาลแขวงพระนครเหนือ ถนนรัชดาภิเษก วันนี้ (18 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 10 พ.ค.ที่ผ่านมา ศาลได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ในคดีพนักงานอัยการ และนางฝน (นามสมมติ) เป็นโจทก์ ฟ้องนายวัชรพงษ์ หรือทิม ปัตตะวงศ์ อายุ 30 ปี อาชีพช่างภาพแฟชั่น เป็นจำเลย ในความผิดฐานข่มขืนใจผู้อื่นให้จำยอมโดยขู่เข็ญว่าจะเปิดเผยภาพเปลือย และกระทำให้ผู้อื่นตกใจกลัว และฐานดูหมิ่นซึ่งหน้า ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 309, 392, 393, 80 และ 91 โดยนางฝน โจทก์ร่วมได้เรียกค่าสินไหมทดแทนเป็นเงิน 7 หมื่นบาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี
คำฟ้องโจทก์สรุปความผิดจำเลยว่า เมื่อวันที่ 8 ต.ค.52 จำเลยได้ส่งข้อความผ่านโปรมแกรมแชทเอ็มเอสเอ็มจากคอมพิวเตอร์ด่าผู้เสียหายด้วยถ้อยคำหยาบคาย และกล่าวหาว่าผู้เสียหายมีเพศสัมพันธ์กับชายไม่ซ้ำหน้าบ่อยๆ และวันที่ 9 ต.ค.52 จำเลยส่งอีเมล์ไปถึงผู้เสียหาย 3 ครั้งมีข้อความว่า จะเปิดเผยภาพโป๊เปลือยที่ผู้เสียหายร่วมเพศกับจำเลยไปยังผู้เสียหายและบุคคลอื่น ซึ่งข้อเท็จจริงผู้เสียหายไม่เคยร่วมประเวณีกับจำเลย และจำเลยยังได้ส่งข้อความทางอีเมล์อีก 2 ครั้งขอร่วมประเวณีกับผู้เสียหายมิฉะนั้นจะเปิดเผยภาพเปลือยของผู้เสียหายที่จำเลยแอบทำคลิปวิดีโอ แต่ผู้เสียหายไม่ยินยอมกระทำตาม ต่อมาตำรวจจับตัวจำเลยได้พร้อมโทรศัพท์มือถือ เหตุเกิดที่เขตคลองเตยเหนือ เขตห้วยขวาง กทม. จำเลยให้การรับสารภาพ
คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลย 8 เดือน และชดใช้เงินแก่ผู้เสียหาย 5 หมื่นบาท โดยโทษจำคุกให้รอลงอาญา 1 ปี ส่วนศาลอุทธรณ์ลงโทษจำคุก 8 เดือน ไม่รอลงอาญา และให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามศาลชั้นต้น จำเลยฎีกาขอให้รอการลงโทษ
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้วเห็นว่า การกระทำของจำเลยเป็นเรื่องไม่สมควร ทำให้โจทก์ร่วมได้รับความอับอายถูกดูหมิ่นหรือเสื่อมเสียต่อชื่อเสียง รวมทั้งตกใจกลัว ตามพฤติกรรมจำเลยต้องการข่มขู่โจทก์ร่วมทางอีเมล์ เพื่อให้โจทก์ร่วมยอมมีเพศสัมพันธ์กับจำเลย มิฉะนั้นจะเปิดเผยภาพเปลือยของโจทก์ร่วมที่จำเลยเคยถ่ายไว้ให้ผู้อื่นทราบ ถือว่าเป็นเรื่องร้ายแรง ข้ออ้างของจำเลยฟังไม่ขึ้นไม่มีเหตุปราณีให้ลดโทษหรือรอลงอาญา พิพากษายืนให้ลงโทษจำคุก 8 เดือน ไม่รอลงอาญา
นายอิศวัติ สุจิมนัสกุล ทนายความโจทก์ร่วม เผยว่า เดิมผู้เสียหายกับจำเลยเคยทำงานบริษัทเดียวกัน โดยจำเลยเป็นช่างภาพ และโจทก์ร่วมเป็นธุรการ จำเลยได้ล่อลวงโจทก์ร่วมไปที่คอนโดย่านห้วยขวางหวังปลุกปล้ำ และได้ซ่อนกล้องบันทึกภาพโจทก์ร่วมขณะเปลือยเปล่า เนื่องจากถูกจำเลยใช้กำลังปลุกปล้ำ แต่ยังไม่ทันได้ข่มขืน โจทก์ร่วมได้หนีออกมาได้เสียก่อน ซึ่งคดีนี้โจทก์ร่วมได้ใช้สิทธิต่อสู้คดีถึงชั้นฎีกาให้ลงโทษจำคุกจำเลยโดยไม่รอลงอาญา เพราะถือว่าเป็นเรื่องเสื่อมเสียเกียรติยศของผู้หญิง