ไล่ยิงดับน.ศ.หนุ่มหอการค้าฯดับสยองคาเก๋งฮอนด้าซิตี้ แฟนสาวที่นั่งมาด้วยบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดบนถนนมอเตอร์เวย์ขาเข้า
หลังจากผู้ตายไปดูแข่งรถทางเรียบที่คลองห้า ตร.เผยอาวุธที่ใช้อาจเป็นเอ็ม 16 หรือไม่ก็ลูกซอง ส่วนรถที่ขับสวมทะเบียนปลอม ตรวจสอบหลักฐานในมือถือพบภาพอุปกรณ์เสพยาไอซ์และการโอนเงินผ่านบัญชีธนาคาร จากการสอบปากคำพ่อของผู้ตายรับลูกชายเคยเสพยาจริง แต่ตอนนี้เลิกแล้ว ส่วนรถที่ขับมาแล้วถูกยิงนั้นมีเพื่อนนำมารับอีกทอดหนึ่ง ตร.เตรียมเรียกเค้นหาปมสังหาร ด้านผกก.คูคตชี้อาจหักกันเรื่องธุรกิจนอกกฎหมาย หรือไม่ก็ขับปาดหน้ากันไปกันมาระหว่างเดินทางกลับ
เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 14 พ.ค. ร.ต.ท.ทัพภาค สินพูลผล ร้อยเวรสอบสวน สภ.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี
รับแจ้งเหตุจากเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงสาย 9 ถนนวงแหวนรอบนอกตะวันออก(กาญจนาภิเษก บางปะอิน-บางนา) ว่ามีผู้ถูกยิงตายภายในรถยนต์ ที่บริเวณหลัก ก.ม. 31+900 ช่องทางด่วนขาเข้ามุ่งหน้าบางนา ตรงข้ามมหาวิทยาลัยเวสเทิร์น หมู่ 11 ต.บึงคำพร้อย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมพ.ต.อ.ปรีดี พงษ์เศรษฐสันต์ รองผบก. สพฐ.1 พ.ต.อ.นราเดช ทิพรักษ์ ผกก.สภ.คูคต พร้อมชุดสืบสวน เจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิร่มไทรลำลูกกา และแพทย์เวร ร.พ.ลำลูกกา
ที่เกิดเหตุพบรถยนต์เก๋งยี่ห้อฮอนด้า ซิตี้ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน ฎส 4178 กรุงเทพมหา นคร สภาพเสียหลัก พุ่งชนรั้วเหล็กกำแพงกั้นถนน
ทำให้รถหมุนไปขวางอยู่กลางถนน จากการตรวจสอบพบรอยกระสุนปืนหลายแห่ง เบื้องต้นอสันนิษฐานอาจจะเป็นเอ็ม 16 หรือลูกซอง เข้าที่หน้ากระจกรถและตัวถังรถไม่ต่ำกว่า 12 นัด ภายในที่นั่งคนขับพบศพนายปฎิญญา หรือโอ๊ด ปริมประภา อายุ 21 ปี นักศึกษาคณะนิเทศศาสตร์ ชั้นปีที่ 1 มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย สภาพศพสวมเสื้อยืดแขนยาวสีน้ำเงิน กางเกงขาสั้นสีน้ำตาล มีบาดแผลถูกยิงเข้าที่แก้มขวา 3 นัด หน้าอก 1 นัด จึงมอบศพให้เจ้าหน้าที่นำส่งสถาบันนิติเวช ร.พ.ตำรวจชันสูตรต่อไป
ฆ่านศ.หนุ่ม ไล่ยิงสนั่นมอเตอร์เวย์
นอกจากนี้ ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บที่นั่งมาด้วยกัน ทราบชื่อคือน.ส.บุณญาพรหรือจี้ สู่คง อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 88/60 ซอยลาดพร้าว 71 แขวง/เขตลาดพร้าว กรุงเทพฯ นักศึกษาคณะนิเทศศาสตร์ ปี 1 มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยเช่นเดียวกัน มีบาดแผลถูกยิงเข้าที่ราวนมซ้าย 1 นัด หัวไหล่ 2 นัด เจ้าหน้าที่นำส่งร.พ.สายไหม เนื่องจากอาการสาหัส
สอบสวนน.ส.สุนิษษา วงศ์มณีประกร อายุ 21 ปี เพื่อนนักศึกษามหาวิทยาลัยเดียวกัน
ให้การว่าก่อนเกิดเหตุตนขับรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู ตามหลังรถของผู้ตายมา เนื่องจากก่อนหน้านี้เมื่อเวลาประมาณ 19.00 น.วันที่ 13 พ.ค. ตนพร้อมเพื่อนไปเที่ยวชมการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบ ที่สนามแข่งรถบางกอกแดรก เอเวนิว ต.คลองห้า อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี จากนั้นก็กลับออกมาตอนเวลาประมาณ 04.00 น.วันที่ 14 พ.ค.
น.ส.สุนิษษากล่าวว่า ขณะที่ขับมาเข้าถนน มอเตอร์เวย์ รถของผู้ตายได้ขับออกหน้าไปก่อน
ซึ่งตนแวะเติมน้ำมันที่ปั๊มริมถนนเลียบมอเตอร์เวย์ และได้ใช้โทรศัพท์บีบีแซตติดต่อกับน.ส.บุณญาพรตลอดทาง กระทั่งขาดการติดต่อไป เมื่อขับออกมาจากปั๊มมาถึงที่เกิดเหตุ พบว่ารถเพื่อนเกิดอุบัติเหตุจึงลงไปดูพบเพื่อนทั้งสองถูกยิงด้วย จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและนำผู้บาดเจ็บส่งร.พ. สายไหม สำหรับสาเหตุนั้นไม่ทราบว่าใครเป็นคนลงมือยิง เพราะไม่เห็นเหตุการณ์ อีกทั้งตอนที่ไปสนามแข่งรถ กลุ่มของตนก็ไม่ได้ไปมีเรื่องราวทะเลาะวิวาทกับใคร พวกตนเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 1 และกำลังขึ้นชั้นปีที่ 2 ก็เป็นคนตั้งใจเรียน ส่วนใหญ่ก็ได้ชักชวนกันออกไปเที่ยวตามภาษาวันรุ่นนักศึกษาทั่วไป เลยไม่ทราบว่าคนร้ายมาก่อเหตุยิงเพื่อนตนเรื่องอะไร และยิงทำไม ส่วนพ่อแม่ของนายปฎิญญามีอาชีพขายหมูอยู่ที่ตลาดโชคชัย ส่วนพ่อแม่ของนส.บุณญาพร ประกอบอาชีพขายผลไม้บ๊วยที่ตักแบ่งขายเป็นขีดเป็นกิโลกรัม
ด้านพล.ต.ต.สมิทธิ มุกดาสนิท ผบก.ภ.จว. ปทุมธานี ซึ่งเดินทางไปตรวจที่เกิดเหตุภายหลังเปิดเผยว่า
เบื้องต้นตรวจสอบรถยนต์เก๋งของผู้ตายที่ขับมาพบว่าเป็นทะเบียนปลอม แต่ยังไม่ทราบว่าเกี่ยวข้องกับการตายครั้งนี้หรือไม่ จากการตรวจสอบพยานที่เกิดเหตุ ยังไม่มีผู้ใดเห็นตอนที่คนร้ายลงมือก่อเหตุ คาดว่าคนร้านน่าจะใช้รถยนต์เก๋ง หรือไม่ก็กระบะ น่าจะมีไม่ต่ำกว่า 2 คน โดยติดตามรถผู้ตายมาจากสนามแข่งรถและคาดว่าเตรียมจ้องลงมือก่อเหตุตั้งแต่ช่วงกลางคืน ขณะออกจากสนามรถแข่งก็มีรถยนต์จำนวนมาก มีทั้งรถนักแข่งและรถผู้ชมหลายพันคัน ซึ่งอยู่ระหว่างให้ตำรวจพื้นที่สภ.คลองห้า ขอตรวจสอบดูกล้องวงจรปิดที่สนามแข่งรถ และให้สภ. คูคต ประสานขอดูกล้องวงจรปิดที่จุดเก็บเงินด่านธัญบุรี และตามถนนจุดต่างๆที่ได้ติดตั้งไว้
พล.ต.ต.สมิทธิ์กล่าวต่อว่า ส่วนอาวุธปืนที่คนร้ายใช้ก่อเหตุเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานคาดว่าเป็นอาวุธปืนสงครามความเร็วสูง
มีอานุภาพร้ายแรง เช่น เอ็ม 16 เพราะพบเศษหัวกระสุนตกอยู่ในรถจำนวนหนึ่ง แต่ยังไม่พบปลอก อีกทั้งบาดแผลที่พบในตัวผู้ตายก็เป็นบาดแผลฉกรรจ์ เป็นรูใหญ่ ซึ่งถือว่าเป็นคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญ เพราะคนร้ายก่อเหตุและลงมือขณะที่ประชาชนจำนวนมากกำลังเดินทางออกไปทำงานในรุ่งเช้า ซึ่งจะได้ติดตามจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุมาดำเนินคดีให้ได้ต่อไป
ต่อมาพล.ต.ต.ปริญญา จันทร์สุริยา รองผบช. ภ.1 พร้อมด้วยพล.ต.ต.สมิทธิ พ.ต.อ.อำนาจ จันทร์เจริญ รองผบก.ภ.จว.ปทุมธานี พ.ต.อ.ปรีดี พงษ์เศรษฐสันต์ รองผบก.สพฐ.1 พ.ต.อ.นราเดช ทิพรักษ์ ผกก.สภ.คูคต พร้อมชุดสืบสวนสภ.คูคต ชุดสืบสวนจังหวัด ได้ประชุมรายงานผลการสอบสวนคืบหน้า โดยเจ้าหน้าที่ได้นำรถยนต์เก๋งยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซิตี้ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน ฎส 4178 กรุงเทพมหานคร คันเกิดเหตุมาตรวจสอบอย่างละเอียดที่สภ.คูคต
จากนั้น พล.ต.ต.ปริญญาเปิดเผยว่าจากตรวจสอบทะเบียนรถอย่างระเอียดแล้วทราบว่า ทะเบียน ฎส 4178 กรุงเทพมหานคร เป็นของปลอม
และหมายเลขดังกล่าวตรงกับรถยนต์ นิสสัน มาร์ช สีขาว ของชาวบ้านคนหนึ่ง สวนการตรวจสอบเลขแชสซีส์ พบว่ารถคันนี้มีน.ส. อัจฉรา สุรฤทธิพงศ์ อยู่บ้านเลขที่ 88/344 หมู่6 แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กรุงเทพฯ เป็นเจ้าของรถผู้ครอบครองกรรมสิทธิ์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เดินทางไปเชิญตัวมาสอบสวนแล้ว
น.ส.อัฉราให้การว่าตนมีอาชีพเป็นพนักงาน เอเจนซี่ของบริษัทแห่งหนึ่งย่านพระราม 9
ก่อนหน้านี้รถยนต์ของตนเป็นทะเบียนป้ายแดง ก-2520 นครปฐม ถูกคนร้ายขโมยไปเมื่อวันที่ 19 มี.ค.2555 เวลาประมาณ 20.00 น. ขณะ ไปทำธุระแถวถนนประชาอุทิศ เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ โดยจอดรถไว้หน้าธนาคารกสิกรไทย จากนั้นกลับออกมาพบว่ารถตนหายไปจึงแจ้งความไว้กับร.ต.อ.พงษ์ธร วงศ์ธรรมนันท์ พนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง ให้ช่วยติดตาม ภายในรถของตนนั้นมีทรัพย์สินหลายรายการ เช่น กระเป๋าหลุยส์วิตตอง แว่นตากุชชี่ ไอพอด และพระเครื่องหลายรายการ กระทั่งวันนี้มาทราบจากเจ้าหน้าที่ว่าพบรถของตนแล้วจึงเดินทางมาดูและยืนยันว่าใช่ของตนจริง ซึ่งภายในรถยังมีเอกสารเป็นพาสปอร์ต รูปถ่ายกระเป๋าเสื้อผ้าของตนอยู่ที่หลังรถจำนวนมาก
ด้านพล.ต.ต.สมิทธิกล่าวว่าทางเรื่องของคดี ได้สอบปากคำนายอดิศักดิ์ ปริมประภา อายุ 43 ปี พ่อของนายปฎิญญา
ให้การว่าก่อนหน้านี้ลูกชายได้เรียนซ้ำชั้นอยู่ปี 1 ได้ 3 ปีแล้วและอยู่กินกับผู้บาดเจ็บที่ชื่อน.ส.บุณญาพรแฟนสาวที่บ้าน เมื่อวันที่ 13 พ.ค. เวลาประมาณ 5 โมงเย็นมีเพื่อนของลูกชายขับรถเก๋งฮอนด้าซิตี้คันดังกล่าวมารับที่หน้าบ้าน โดยคนขับไม่ได้ลงมาจากรถ และลูกชายก็บอกว่าจะไปดูรถแข่งกับแฟนสาวและเพื่อนๆที่ขับรถตามกันมาหลายคัน กระทั่งมาทราบว่าลูกชายได้ถูกยิงตาย
ผบก.ปทุมธานียังกล่าวต่อว่า นายอดิศักดิ์ยังยอมรับว่าก่อนหน้านี้ลูกชายเคยเสพยาเสพติด แต่ตอนนี้ได้เลิกไปนานแล้ว ไม่รู้ว่าเกี่ยวข้องกับการตายหรือไม่ ส่วนรถคันนี้ยืนยันว่าลูกชายไม่มีส่วนรู้เห็นกับการขโมยมา เพราะไม่เคยเห็นลูก ชายขับมาเลย และลูกชายจะไม่มีนิสัยขี้ลักขี้ขโมย ปกติจะขับรถกระบะอีซูซุของที่บ้านเท่านั้น
พ.ต.อ.นราเดชกล่าวว่าจากการตรวจสอบโทรศัพท์มือถือของผู้ตายและผู้บาดเจ็บ พบหลักฐานสำคัญที่คาดว่าเป็นประเด็นการสังหารในครั้งนี้
ซึ่งมีรูปถ่ายยาเสพติดประเภทยาไอซ์และรูปอุปกรณ์การเสพยาในมือถือของผู้ตาย รวมถึงรูปการโอนเงินบัญชีธนาคารต่างๆที่ผู้ตายติดต่อ อยู่ในภาษาแซตทางโทรศัพท์บีบีกับเพื่อนๆ เจ้าหน้าที่จึงสันนิษฐานว่าประเด็นสังหารน่าจะมาจากเรื่องยาเสพติดที่ผู้ตายอาจจะเข้าไปเกี่ยวข้องอย่างใดอย่างหนึ่ง พ.ต.อ.นราเดชกล่าวด้วยว่า อีกประเด็นเป็นการโจรกรรมรถยนต์คันที่ผู้ตายขับ และอาจจะมีกรณีหักหลังกันเอง สำหรับกุญแจดอกสำคัญคือเพื่อนผู้ตายที่ขับรถไปรับผู้ตายมาจากบ้านแล้วปล่อยให้ผู้ตายกับแฟนสาวขับรถกลับมาเองสองคน อาจจะทำให้คนร้ายยิงผิดตัวก็ได้ ซึ่งจะได้ติดตามเพื่อนคนดังกล่าวมาสอบสวนอย่างละเอียดต่อไป
"อีกประเด็นก็ยังไม่ตัดทิ้งคือประเด็นขับรถซิ่งปาดหน้ากันไปมาระหว่างทาง ทั้งนี้ต้องรอผลการพิสูจน์กระสุนปืนที่คนร้ายใช้ว่าเป็นชนิดใด แต่เบื้องต้นเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานระบุว่าคล้ายอาวุธปืนเอ็ม 16 หรือไม่ก็อาวุธปืนลูกซองยาว จะสอบสวนอย่างระเอียดอีกครั้ง" ผกก.สภ.คูคต กล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่าสำหรับรถที่ผู้ตายขับมาและถูกตามไล่ยิงระหว่างทางนั้น เบื้องต้นสันนิษฐานว่าอาจไม่ใช่รถที่โจรกรรมมา แต่อาจจะเป็นรถยนต์ที่นำไปจำนำในบ่อน เนื่องจากใช้ลูกกุญแจจริง ส่วนอาวุธที่ใช้นั้นจะต้องตรวจสอบต่อไปว่าเป็นชนิดใดกันแน่ เนื่องจากไม่พบปลอกกระสุนในที่เกิดเหตุ