น้องชายมัลลิกามอบตัวข้อหาถ้ำมอง

เมื่อเวลา 20.30 น.วันที่ 10 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ที่ สภ.เมืองพะเยา นายมนัสศักดิ์ หรือต๋อง บุญมีตระกูล อายุ 33 ปี บ้านเลขที่ 213 หมู่ 2 ต.สระ อ.เชียงม่วน จ.พะเยา อดีตผู้จัดการสโมสรฟุตบอล "กุ้งจอมเก๋า" พะเยา FC และเป็นน้องชายของ น.ส.มัลลิกา บุญมีคระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.บัญญัติ เนตรสุวรรณ์ ผกก.สภ.เมืองพะเยา ตามหมายเรียกของครั้งที่ 2 ของ สภ.เมืองพะเยา ข้อหาบุกรุกเคหสถานในยามวิกาล โดยมี พ.ต.ท.บวร ไชยคำ สารวัตรเจ้าของคดี พ.ต.ท.ศุวเลิศ วงศ์ไชย เจ้าหน้าที่ ปปส.ภ.จว.พะเยา และ พ.ต.ท.ชาญณัฐ ปองรักษ์ สว.สส.สภ.เมืองพะเยา ร่วมสอบสวนปากคำ โดยไม่ยอมให้ผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไป

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 5 เม.ย.เวลา 23.40 น.ทันตแพทย์ชาญ เชิดชูเหล่า สำนักงานสาธารณสุข จ.พะเยา เข้าพบ พ.ต.ท.บวร ไชยคำ สารวัตรเวร สภ.เมืองพะเยา แจ้งความร้องทุกข์ ว่า เมื่อเวลาประมาณ 22.15 น. ก่อนมาแจ้งความ ได้มีผู้ชายรูปร่างสันทัด ไว้ผมรองทรงสูงประมาณ 165-170 ซม. ได้บุกเข้ามาในบ้าน โดยก่อนพบชายดังกล่าว ภรรยาของตนได้ยินเสียงผิดปกติที่บริเวณหน้าต่างห้องน้ำ ซึ่งลูกสาวกำลังอาบน้ำอยู่ จึงให้ตนออกมาดูโดยเปิดประตูทางด้านดาดฟ้าของบ้านซึ่งอยู่ติดกับบ้านของ น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล พอตนเปิดประตูออกมาก็พบว่ามีชายรูปร่างดังกล่าวยืนอยู่ใกล้กับหน้าต่างห้องน้ำ และหันมาทางตน พร้อมยกนิ้วชี้แตะที่ริมฝีปากเสมือนให้ตนอยู่เงียบๆ จากนั้นชายคนดังกล่าวก็เดินผ่านหน้าตนไป โดยมีไฟส่องสว่างที่ดาดฟ้าเห็นหน้าอย่างชัดเจน พอไปถึงกำแพงรั้วที่ติดกันก็กระโดดลงไปในบ้านของ น.ส.มัลลิกา แล้วหายไป

ต่อมา พ.ต.ท.บวร ไชยคำ ได้เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ และจะขอเข้าไปในบ้าน น.ส.มัลลิกา ซึ่งมีนักฟุตบอลอยู่หลายคน เพื่อดูร่องรอยการหลบหนี แต่ถูกปฏิเสธจากคนในบ้านอ้างว่าเป็นยามวิกาลและไม่มีหมายค้น จากนั้น พ.ต.ท.บวร ได้ไปดูบริเวณริมรั้วซึ่งเป็นกำแพงสูงประมาณ 1.60 เมตร มองไปยังข้างบ้านพบว่ามีนักฟุตบอลทั้งคนไทยและชาวต่างชาติหลายคน จึงสอบถามว่าคนในบ้านออกมาหมดหรือยัง ปรากฏว่ามี นายมนัสศักดิ์ บุญมีตระกูล เดินออกจากประตูบ้านมา นาทีนั้น ทันตแพทย์ชาญ ร้องยืนยันว่าเป็นคนๆ เดียวกับที่ตนเห็นอยู่ริมหน้าต่างห้องน้ำบ้านตน ทางเจ้าหน้าที่จึงเชิญตัวนายมนัสศักดิ์ มาสอบสวนเบื้องต้น นายมนัสศักดิ์ ได้ปฏิเสธและไม่ยอมมาให้สอบสวนปากคำตามที่เจ้าทุกข์มาแจ้งความไว้ ทางตำรวจจึงออกหมายเรียก แต่ไม่มีการตอบรับจนต้องออกหมายเรียกเป็นครั้งที่สอง

กระทั่ง ต่อมานายมนัสศักดิ์ ได้ติดต่อทางโทรศัพท์กับ พ.ต.อ.บัญญัติ เนตรสุวรรณ์ ผกก.สภ.เมืองพะเยา ว่าจะเข้าพบเพื่อให้ปากคำ เวลา 13.00.น. แต่พอถึงเวลานัดก็ไม่มา จากนั้นโทรมานัดอีกครั้ง เป็นเวลา 19.00 น. ทางตำรวจรอจนนายมนัสศักดิ์ มาพบแล้วนำเข้าห้องทำงาน พ.ต.อ.บัญญัติ เนตรสุวรรณ์ ปิดห้องไม่ให้ผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไป

พ.ต.อ.บัญญัติ กล่าวก่อนที่นายมนัสศักดิ์ จะเข้าพบว่า คดีบุกรุกเคหสถานยามวิกาล สามารถยอมความกันได้ ไม่ใช่คดีร้ายแรงอะไร ส่วนกรณีที่เจ้าทุกข์อ้างว่า คู่กรณีไปแอบดูลูกสาวอาบน้ำนั้น ไม่เข้าข่ายที่จะแจ้งข้อหาได้ ซึ่งโดยปกติทั่วไปก็จะจบด้วยการยอมความแต่คดีนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับการเมือง และผู้ถูกกล่าวหาเป็นอดีตผู้จัดการสโมสรฟุตบอล พะเยา FC และเป็นน้องชาย นักการเมืองดัง จึงถูกนำมาวิพากษ์วิจารณ์กลายเป็นเรื่องใหญ่โต เจ้าหน้าที่ตำรวจถูกกดดันจากหลายฝ่าย แต่เราก็ทำตามหน้าที่ใครผิดใครถูกก็ว่าไปตามนั้น

อีกทั้ง ระหว่างการสอบสวน ได้มีการนำอุปกรณ์ตรวจสารเสพติดเข้าไปด้วย เข้าใจว่าจะใช้ตรวจปัสสาวะนายมนัสศักดิ์ โดยหลังจากการสอบสวนผ่านไป ชั่วโมงเศษ พ.ต.อ.บัญญัติ ได้ออกมาเปิดเผยว่า เบื้องต้นผู้ถูกกล่าวหาได้ให้การปฏิเสธคดีบุกรุก ส่วนการตรวจปัสสาวะของนายมนัสศักดิ์ นั้นพบเป็นสีม่วง โดยเจ้าตัวก็ปฏิเสธเช่นกัน ว่าไม่มีการเสพสารเสพติดมาก่อน ขั้นตอนต่อไปจะได้ส่งปัสสาวะไปให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์พิสูจน์ หากมีสารเสพติดก็จะได้ดำเนินคดีต่อไป ซึ่งหลังทำการลงบันทึกประจำวันแล้วต้องปล่อยตัวนามนัสศักดิ์ไปก่อน

ด้าน พล.ต.ต.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบก.ภ.จว.พะเยา กล่าวว่า ตนได้กำชับให้ พ.ต.อ.บัญญัติ เป็นผู้สอบสอบสวนด้วยตนเอง และให้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายอย่างตรงไปตรงมา พร้อมให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่ายซึ่งต่างก็มีชื่อเสียงในวงสังคมเมืองพะเยา อีกฝ่ายเป็นคนในตระกูลเก่าแก่รับราชการมานาน อีกฝ่ายเป็นน้องนักการเมืองดัง ดังนั้นจึงต้องใช้กฏหมายที่เปิดโอกาสให้คู่กรณีได้หักล้างกันในข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ตำรวจต้องวางตัวเป็นกลางและทำหน้าที่อยู่ในขอบของกฏหมาย ซึ่งตนก็จะลงไปร่วมตรวจสอบสำนวนด้วย เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมที่สุด