นศ.ราชภัฎเครียดดิ่งชั้น7ตึกชาญอิสระดับ พ่อเผยบอกให้ไปตัดผมไม่เชื่อลูกจะฆ่าตัวตายน่าจะเป็นอุบัติเหตุ แม้นจะดร๊อปการเรียนไว้และเคยรักษาตัวอยู่ที่ รพ.ศรีธัญญา
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 10 พ.ค. พ.ต.ท.ยศภัทร สราญวัตน์ พนักงานสอบาสวน (สบ 2) สน.บางรัก ได้รับแจ้งเหตุคนพลัดตกจากที่สูง อาคารชาญอิสระ ทาวเวอร์ เลขที่ 942/39-41 ถนนพระราม 4 แขวงสุรวงศ์ เขตบางรัก กทม.จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบแล้วรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.ทรงยศ ถวัลย์กิจดำรง ผกก.สน.บางรัก เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) แพทย์นิติเวชฯรพ.ตำรวจ และเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู
ที่เกิดเหตุเป็นอาคารสูง 27 ชั้น โดยบริเวณลานจอดรถชั้นที่ 1 ด้านหลังอาคารดังกล่าวพบศพนายนิติพัฒน์ รัตนมณี อายุ 25 ปี
อยู่บ้านเลขที่ 19 ซอยลาดพร้าว 57 แขวงและเขตวังทองหลาง กทม. สภาพศพนอนหงาย ไม่สวมเสื้อ ใส่กางเกงขาสามส่วนลายพลางสีขาว-ดำ โดยพบบาดแผลบริเวณด้านหลังศีรษะกะโหลกแตก ด้านหลังและแขนทั้ง 2 ข้างมีรอยฟกช้ำ จากการตรวจสอบในร่างกายของผู้ตายพบบัตรนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฎจันทรเกษม อีกทั้งบริเวณลานจอดรถชั้น 7 เสื้อยืดคอกลมสีดำ 1 ตัว ขวดน้ำ 1 ขวด และถุงยา รพ.ศรีธัญญา ตกอยู่ จึงรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน
สอบถามนายนภดล แหชัยภูมิ หัวหน้า รปภ.อาคารดังกล่าว กล่าวว่า
ขณะกำลังปฏิบัติหน้าที่บริเวณชั้น 7 ของอาคาร เห็นผู้ตายกำลังนั่งกินยาอยู่บริเวณขอบระเบียง ตนจึงเตือนให้ผู้ตายออกมาจากบริเวณดังกล่าวเพราะเกรงว่าจะพลัดตกลงมา แต่ผู้ตายได้ตอบกลับมาว่า “อากาศเย็นดี” จากนั้นผู้ตายก็ทิ้งตัวหงายหลังลงมาจนทำให้เสียชีวิต
นายณัฐภพ รัตนมณี บิดาของผู้ตาย กล่าวทั้งน้ำตาว่า ตนเป็นเจ้าของร้านเครื่องเงินอยู่บริเวณชั้น 1 ของอาคารดังกล่าว
ช่วงกลางวันขณะที่กำลังขายของภายในร้าน ได้บอกกับลูกชายให้ไปตัดผมเพราะผมยาวแล้ว จากนั้นลูกชายได้หายไปซึ่งตนคิดว่าลูกชายคงจะไปทำตามที่ตนบอก ต่อมาช่วงเที่ยงได้ทราบข่าวว่าลูกชายตกลงมาเสียชีวิตดังกล่าว ตนรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก แต่ไม่คิดว่าลูกชายจะตั้งใจกระโดดลงมาและน่าจะเป็นอุบัติเหตุ นอกจากนี้ผู้ตายกำลังเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยราชภัฎจันทรเกษม แล้วทำการดร๊อปไว้ อีกทั้งเคยรักษาตัวอยู่ที่ รพ.ศรีธัญญา แล้วเพิ่งออกมาได้เพียง 1 สัปดาห์ ซึ่งได้รักษาเข้ารักษาตัวอยู่ที่รพ.ดังกล่าวเป็นระยะๆ
เบื้องต้นพนักงานสอบสวนสันนิษฐานว่า ผู้ตายเกิดความเครียดและมีอาการทางประสาทอยู่แล้วจึงคิดสั้นและก่อเหตุดังกล่าว อย่างไรก็ตาม พนักงานสอบสวนจะต้องตรวจสอบกล้องวงจรปิดและผลจากการตรวจสอบของแพทย์ต่อไป