ปล้นดะทั่วใต้-กรุง! ทอง11ล. โจรพันหน้าจนมุม

จับโจรพันหน้ามหาภัยควงปืนบุกเดี่ยวชิงทอง ทั่วภาคใต้ยันกทม. ก่อเหตุมาตั้งแต่ปี 51 สารภาพทำมาแล้ว 4 ครั้งได้เงินรวมกันถึง 11 ล้านบาท

นำเงินที่ได้มาซื้อคอนโดฯหรูในเมืองกรุง เครื่องประดับและรถยนต์ราคาแพง พอเงินหมดก็ลงมือก่อเหตุใหม่ ล่าสุดก่อเหตุที่ภูเก็ต จนภาค 8 ตามแกะรอยจนรู้มีแหล่งกบดานในกรุง ประสานกับตำรวจนครบาลล็อกตัวไว้ได้ ขณะกบดานในอพาร์ตเมนต์ ยอมเปิดปากสารภาพสิ้น เผยที่รอดมาได้นานเพราะลงมือแต่ละครั้งจะปลอมตัวแบบต่างๆ และมีวิธีซ่อนรอยนิ้วมือไม่ให้ตรวจพบ

เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 4 พ.ค. ที่ห้องประชุม บก.สส.ภ.8 พล.ต.ท.สันติ เพ็ญสูตร ผบช.ภ.8

พร้อมด้วย พล.ต.ต.วีระศักดิ์ มีนะวาณิชย์ ผบก.สส.ภ.8 แถลงผลการจับกุมนายกฤติศักดิ์ หรือเด่น หีตแก้ว อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลข ที่ 57/1 หมู่ที่4 ต.บ้านนา อ.บ้านนาเดิม จ.สุราษฎร์ธานี ผู้ต้องหาคดีชิงทรัพย์ร้านทอง ตามหมายจับศาลจังหวัดภูเก็ตที่ 318/2554 ลงวันที่ 4 มิ.ย.54

โดยชุดสืบสวน กก.สส.3 นำโดย พ.ต.อ. ณรงค์ยศ อุณหบัณฑิต ผกก. สามารถติดตามจับกุมตัวได้ขณะกบดานอยู่ที่อพาร์ตเมนต์ไม่มีชื่อ

ซอยจรัญสนิทวงศ์ 40 แขวงบางกอกน้อย เขตบางพลัด กทม. พร้อมทองรูปพรรณชนิดต่างๆ น้ำหนัก 245 กรัม อาวุธปืนพกสั้นขนาด .38 พร้อมกระสุน 6 นัด กางเกงขาสั้น สีดำ รองเท้าผ้าใบ หมวกแก๊ป แว่นตากันแดด นอก จากนั้นยังได้ตรวจยึดเครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องประดับ ราคาแพง อาทิ นาฬิกาข้อมือยี่ห้อเซ็นนิก ราคากว่า 200,000 บาท แท็บเล็ต ไอโฟน และรถยนต์เก๋งยี่ห้อนิสสัน รุ่นเทียน่า สีดำ ทะเบียนป้ายแดง 1 คัน และหนังสือสัญญาซื้อขายคอนโดมิเนียมมูลค่ากว่า 5 ล้านบาท

ทั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 4 มิ.ย. 2554 เกิดเหตุคนร้ายบุกเดี่ยวเข้าไปชิงทรัพย์ที่ร้านทองธเนศ 2 ถนนเจ้าฟ้าตะวันออก อ.เมือง จ.ภูเก็ต

โดยคนร้ายทำทีเข้าไปขอซื้อทอง ก่อนใช้อาวุธปืนข่มขู่ ชิงทองคำในตู้โชว์ไปจำนวน 261 บาท มูลค่า 5.75 ล้านบาท พร้อมกันนี้ชุดสืบสวนบก.สส.ภ.8 ร่วมเข้ามาคลี่คลายคดี ต่อมาชุดสืบสวนสืบสวนจนทราบว่าผู้ที่ก่อเหตุ คือนายกฤติศักดิ์ จนกระทั่งพบว่าเคยเกิดคดีชิงทรัพย์ร้านทองในพื้นที่กรุงเทพฯ คนร้ายมีพฤติการณ์ใกล้เคียงกัน จึงได้ประสานชุดสืบ สวนกก.สส.น.7 เข้าสืบสวนหาข่าวจนสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ในที่สุด

พล.ต.ต.วีระศักดิ์ กล่าวว่า จากการสอบสวนปากคำนายกฤติศักดิ์ ให้การรับสารภาพว่า เป็นผู้ก่อเหตุชิงทรัพย์ร้านทองจริง
 
โดยก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 3 ธ.ค. 2551 ก่อเหตุชิงทรัพย์ร้านทองเพชรสุวรรณ อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี ได้ทองรูปพรรณน้ำหนัก 220 บาท มูลค่า 2.8 ล้านบาท วันที่ 25 มี.ค. 53 ก่อเหตุชิงทรัพย์ร้านทองเจริญมณี ปากซอยลาดปลาเค้า 80 แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน ได้ทองรูปพรรณ น้ำหนัก 100 บาทมูลค่า 1.7 ล้านบาท และวันที่ 18 ก.ย.53 ก่อเหตุที่ห้างทองวังทอง ปากซอยลาดพร้าว 1 ถ.ลาดพร้าว แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพ ได้ทองรูปพรรณ น้ำหนัก 50 บาท มูลค่า 1 ล้านบาท และยิงคนดูแลร้านได้รับบาดเจ็บ ก่อนมาก่อเหตุครั้งล่าสุดที่จ.ภูเก็ต

คนร้ายระบุว่าหลังจากก่อเหตุนำทองรูปพรรณออกทยอยขาย นำเงินไปใช้จ่ายส่วนตัว เช่น ซื้อเสื้อผ้า เครื่องประดับราคาแพง อุปกรณ์ถ่ายภาพ
 
และอุปกรณ์อำนวยความสะดวก ต่างๆ รวมถึงซื้อรถยนต์หรูป้ายแดงและซื้อคอนโดมิเนียม เมื่อเงินหมดจะลงมือชิงทรัพย์ใหม่ โดยรวมมูลค่าทองคำที่ชิงทรัพย์ไปกว่า 11 ล้านบาท ส่วนการลงมือแต่ละครั้งจะปลอมตัวเช่นตัดผมใหม่ เปลี่ยนสีผม หรือสวมแว่นตา และใช้วิธีบางอย่างจนไม่ทิ้งรอยนิ้วมือเอาไว้