ปล้นสินสอดเจ้าบ่าวหนุ่มสุพรรณฯ พ่อแม่เจ้าสาวยังไม่ปักใจเชื่อ ระบุหลังแต่งงานให้แยกกันอยู่จนกว่าจะพิสูจน์ตัวเอง ถ้าพบว่าโกหกยันเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ขณะที่พิธีการยังคงดำเนินการต่อไป ฝ่ายเจ้าบ่าวยันบริสุทธิ์ พร้อมหาเงินสินสอดก้อนใหม่มาให้แล้ว รองผู้การฯยันยังไม่ออกเลขคดี หลังพบพิรุธหลายอย่าง ขอเวลา 2 วัน เชื่อความจริงชัดเจน
วันที่ 4 พ.ค.55 กรณี นายศิวัช อยู่เปี่ยม อายุ 38 ปี เจ้าหน้าที่ธุรการ 3 ประจำสำนักงานเทศบาลเมืองสุพรรณบุรี หอบเงินสินสอดเกือบ 3 แสนบาท ไปบ้าน น.ส.กัญญาวีณ์ น้อยมหาพรหม ว่าที่เจ้าสาว ที่บ้านพัก ต.วังน้ำเย็น อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี เพื่อเตรียมใส่ขันหมาก ในพิธีมงคลสมรส วันที่ 4 พ.ค.ที่ผ่านมา แต่ระหว่างทางได้ถูก 5 คนร้าย สวมไอ้โม่ง ซิ่งจักรยานยนต์ประกบคู่ก่อนชักปืน 2 กระบอกขู่ให้จอดรถแล้วล้วเอาสินสอด ทองหมั้น เผ่นหนีลอยนวลตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดเมื่อวันที่ 4 พ.ค.55 ซึ่งมีพิธีมงคลสมรสตามที่ได้กำหนดไว้ โดยผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่บ้านเลขที่ 204/1 ม.2 ต.วังน้ำเย็น อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี บ้านของ น.ส.กัญญาวีณ์ ว่าที่เจ้าสาว ยังมีการจัดงานพิธีมงคลสมรสตามปกติโดยเวลา 07.09 น. มีพิธีสงฆ์ หลั่งน้ำพระพุทธมนต์และประสาทพร เวลา 09.09 น. พิธีขันหมาก โดยมีแขกฝ่ายเจ้าสาวและเจ้าบ่าวมาร่วมงานจำนวนมาก ต่างวิพากษ์วิจารณ์ถึงเหตุการณ์ที่เจ้าบ่าวถูกปล้นเงินในครั้งนี้ขึ้นกันไปต่างๆนา
น.ส.กัญญาวีณ์ น้อยมหาพรหม ว่าที่เจ้าสาว กล่าวว่า หลังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยังช็อกไม่หาย แต่ได้คุยกับนายคมสัน และนางสุดใจ น้อยมหาพรหม พ่อกับแม่แล้ว สรุปว่าให้มีการจัดงานพิธีมงคลสมรสต่อไป โดยจะมีพิธีการตามปกติ และเวลา 18.00 น. วันนี้(4 พ.ค.) มีการรับประทานอาหาร(โต๊ะจีน) ซึ่งทางบ้านได้แจกการ์ดแขกไว้ 50 โต๊ะ 500 คน โต๊ะสำรองอีกจำนวนหนึ่ง และเชิญนายณรงค์ ลิ้มจันทร์ทอง นายกอบต.วังน้ำเย็น เป็นประธานในพิธีด้วย
น.ส.กัญญาวีณ์ กล่าวว่า พ่อกับแม่ ไม่พอใจกับเรื่องราวเกิดขึ้น และยังไม่ปักใจเชื่อว่า ว่าที่เจ้าบ่าวถูกปล้นจริง ยืนยันว่าหลังพิธีมงคลสมรสเสร็จจะให้แยกกันอยู่ก่อน จนกว่าฝ่ายเจ้าบ่าวจะ พิสูจน์ตัวเองได้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องจริง เนื่องจากมีกระแสข่าวออกมาค่อนข้างมากว่ามีการสร้างเรื่องขึ้นมา แต่จะด้วยเหตุผลอะไรไม่มีใครรู้ ตนเองก็ไม่อยากเชื่อเพราะว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ที่ว่าที่เจ้าบ่าวจะเอาหน้าที่การงานมาเสี่ยงแบบนี้ แต่ในเมื่อพ่อแม่ต้องการแบบนี้ตนก็ไม่ขัดใจ ต้องรอให้เวลานายศิวัช พิสูจน์ตัวเอง
"พ่อกับแม่ยังบอกว่าถ้านายศิวัช โกหกจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ก็คงต้องปล่อยไปตามวิธีการของพ่อแม่ โดยยินดีที่จะแยกกันอยู่หลังพิธีมงคลสมรส แล้วค่อยพิสูจน์กันว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องจริงหรือโกหก ตามที่มีข่าวลือออกมา" น.ส.กัญญาวีณ์ กล่าว
ด้าน นายศิวัช กล่าวว่า ยอมรับว่ามีกระแสว่าตนสร้างเรื่องขึ้นมา แต่ขอยืนยันว่าไม่ได้มีการสร้างเรื่องขึ้น ตนจะเอาหน้าที่การงานมาเสี่ยงทำไม ตนเป็นข้าราชการระดับ 3 กำลังจะได้ 4 ในอีกไม่กี่เดือนนี้ เรื่องนี้ก็คงต้องฝากเจ้าหน้าที่ตำรวจและสื่อมวลชนในการช่วยติดตามความคืบ หน้าของคดีและให้ความเป็นธรรมกับตนด้วย
อย่างไรก็ตาม นายศิวัช ได้หาเงินสินสอดจำนวน 2 แสน ทอง 4 บาท มาสู่ขอฝ่ายเจ้าสาวใหม่แล้ว โดยยืมมาจากญาติ เพราะไม่อยากให้ฝ่ายเจ้าสาวเสียชื่อเสียง
ขณะที่ พ.ต.อ.ชัชชรินทร์ สว่างวงศ์ รอง ผบก.สุพรรณบุรี กล่าวว่า คดีนี้ทางพนักงานสอบสวนรับเป็นคดีไว้ก่อน แต่ยังไม่ออกเลขคดีให้ เนื่องจากต้อรอดูหลักฐานพยานต่างๆ ก่อน เนื่องจากเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนและดูไม่ชอบพามากล ยังไม่ชัดเจนว่าเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า ได้มีการสอบสวนในเชิงลึกเกี่ยวกับตัวเจ้าบ่าวทราบว่ามีการเลื่อนการแต่งงานมาถึง 2 ครั้ง แต่จะด้วยเหตุผลอะไรกำลังตรวจสอบ
ทางเจ้าหน้าที่ยังตั้งข้อสังเกตว่า 1.ได้ส่งชุดสืบลงไปสถานที่เกิดเหตุ พบว่าเวลาที่เกิดเหตุมีคนสัญจรไปมา แต่กลับไม่มีพยานเห็นเหตุการณ์ 2.ผู้เสียหายจำเหตุการณ์ได้แม่นยำทั้งคนร้ายอาวุธปืนขนาดอะไรบ้าง แต่กลับจำทะเบียนรถไม่ได้ 3.สินสอดที่หอบไปทำไมไปคนเดียวไม่มีญาติผู้ใหญ่ไปด้วย ซึ่งผิดวิสัยจากความเป็นจริง เรื่องนี้เป็นเพียงข้อสันนิษฐานเท่านั้น
พ.ต.อ.ชัชชรินทร์ กล่าวต่อว่า ขอเวลา 2-3 วันเชื่อว่าทุกอย่างน่าจะกระจ่างๆ ถ้ามีการปล้นกันจริง เจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะทำตามขั้นตอนของกฎหมายคือสืบสวนติดตามคนร้ายมาดำเนิน คดีให้ได้โดยเร็ว เพราะถือว่าเป็นความเดือดร้อนของชาวบ้าน แต่ถ้าเป็นเรื่องโอละพ่อ นอกจากจะโดนข้อหาแจ้งความเท็จแล้ว ยังโดนญาติฝ่ายหญิงอีกเพราะถือว่าทำให้เสียชื่อเสียงแก่วงศ์ตระกูลด้วย