ชายวัย 43 ปี เครียดนั่งร้องคุยโทรศัพท์ร้องไห้บนสถานี ก่อนสบโอกาสดิ่งจากสถานีรถไฟฟ้าลงมาเสียชีวิตกลางถนน ญาติเผยรักษาอาการป่วยทางจิตมา 9ปี
วันที่ 24 เม.ย.55 เวลา 10.05 น. พ.ต.ท.สายชล หงส์สุวรรณ พงส.(สบ3) สน.บางนา รับแจ้งมีผู้โดดจากสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีบางนา ถ.สุขุมวิท แขวงและเขตบางนา กทม. จึงรุดไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.ท.ณฤดล พุ่มพวง สว.สส.สน.บางนา วงค์สิงห์ รองสว.สส.สน.บางนา แพทย์นิติรพ.จุฬาลงกรณ์ และเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมตัญญู
ที่เกิดเหตุฝั่งตรงข้ามกรมอุตุนิยมวิทยา กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร บริเวณด้านล่างใต้สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส บางนาบนพื้นผิวการจราจรช่องทางซ้าย เจ้าหน้าที่พบศพนายพรชัย มีทรัพย์วัฒนา อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 6 ซ.พัฒนาการ 28 แขวงและเขตสวนหลวง สภาพศพนอนคว่ำหน้าจมกองเลือด มีบาดแผลที่บริเวณ ศีรษะและใบหน้ายุบ แขนขาหักผิดรูป มีรอยถลอกตามร่างกาย สวมเสื้อยืดสีขาว กางเกงขาสั้นสีดำ ใกล้กันเจ้าหน้าที่พบรองเท้าผ้าใบยี่ห้อไนกี้ สีดำคาดแดง เจ้าหน้าที่ขึ้นไปตรวจสอบบริเวณชั้น 3 ด้านชานชาลาฝั่งมุ่งหน้าไปเส้นหมอชิต เจ้าหน้าที่พบกระเป๋าเป้สีน้ำเงิน ภายในมีเงินสด 1,260.-บาท พร้อมด้วยพบบัตรผู้ป่วยรพ.มนารมย์ เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
ร.ต.ท.ณรงค์ศักดิ์ เปิดเผยว่า จากการสอบสวนเจ้าหน้าที่รปภ.ของสถานนีรถไฟฟ้า ให้การว่า
ก่อนเกิดเหตุชายคนดังกล่าวได้นั่งร้องไห้คุยโทรศัพท์อยู่ที่ป้ายรถเมล์ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่เกิดเหตุ ต่อมาชายคนดังกล่าวก็ได้ขึ้นไปบนสถานีรถไฟฟ้าบริเวณชั้น 3 ก่อนสบโอกาสในจังหวะที่ไม่มีคนพลุกพล่านตัดสินใจวางกระเป๋าเป้ ก่อนปีนรั้วกำแพงกระโดลงมาเสียชีวิต อย่างไรก็ตามตนได้ประสานไปยังญาติผู้เสียชีวิตทราบว่า ผู้ตายมีอาการป่วยทางจิตเป็นเวลา 9 ปี โดยก่อนหน้านี้นายพรชัย ได้เข้ารับการรักษาอาการดังกล่าวที่รพ.สมเด็จเจ้าพระยา เป็นเวลา 8 ปี ก่อนที่จะย้ายมารักษาตัวที่รพ. มนารมย์ ซึ่งอยู่ ซ.สุขุมวิท 70/3
จากการสอบถามนางแสงอรุณ (ไม่ทราบนามสกุล) พนักงานทำความสะอาดถนน กล่าวว่า
ทำหน้าที่ทำความสะอาดตั้งแต่หน้าโรงแรมไลท์อิน ถึงบริเวณที่พบศพ ก่อนเกิดเหตุพบเห็นผู้ตายนั่งร้องไห้ที่ป้ายรถเมล์หน้าโรงแรมไลท์อิน ช่วงเช้าวันนี้ก่อนจะมาพบว่าเสียชีวิตแล้ว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิษฐานสาเหตุการเสียชีวิตในครั้งนี้ว่า ผู้ตายเกิดอาการเครียดด้วยโรคที่เป็นอยู่ จึงตัดสินใจคิดสั้นโยการกระโดดสถานีรถไฟฟ้าดังกล่าว อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่จะทำประสานเพื่อขอภาพวงจรปิดเพื่อมาตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง รวมทั้งจะมอบศพให้ญาติไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนา