รวบ 2 โจ๋ระนอง เอเย่นต์ค้ายาบ้า ให้ลูกค้าชาวไทยและพม่า จนท.เผยเล็ดลอดจาก ปท.เพื่อนบ้าน ราคาถูกกว่ายาบ้าทั่วไปเท่าตัว เนื่องจากมีส่วนผสมตัวยาน้อย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 23 เม.ย. 55 พ.ต.อ.ทวีพร ชูรินทร์ รอง ผบก.ภ.จว.ระนอง ร่วมกับ พ.ต.อ.สงกรานต์ เพชรน้อย ผกก.สส. ภ.จว.ระนอง และ พ.ต.ต.ถาวร อัมพันธ์ สารวัตรสืบสวนกองกำกับการสืบสวนสอบสวน ภ.จว.ระนอง เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้ จนท.ตำรวจชุดสืบสวนตำรวจภูธรเมืองระนอง ทำการล่อซื้อและจับกุมนายอภิวัฒน์ หรือบอย แสงจันทร์ อยู่บ้านเลขที่ 2/1 ม.5 ต.ละอุ่นเหนือ อ.ละอุ่น จ.ระนอง และนายอภิวิชญ์ หรือก๊อฟ แสงใส อยู่บ้านเลขที่ 95 ม.3 ต.หงาว อ.เมืองระนอง หลังสืบทราบว่า เป็นเอเย่นต์จำหน่ายยาบ้าให้กับลูกค้าทั้งชาวไทยและพม่าในเขตพื้นที่ จ.ระนอง โดยจากการตรวจค้นภายในบ้านพบยาบ้าซุกซ่อนอยู่รวม 55 เม็ด จึงควบคุมตัวทั้งสองเพื่อทำการสืบสวนสอบสวนขยายผลไปยังเครือข่ายค้ายาต่อไป
พ.ต.ต.ถาวร กล่าวให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า แม้ว่าในการเข้าจับกุมผู้ต้องหาในครั้งนี้จะได้ของกลางยาบ้าไม่มาก แต่มีประเด็นที่น่าสนใจ คือพบว่ายาบ้าของกลางทั้งหมดแตกต่างจากยาบ้าที่มีการจับกุมก่อนหน้านี้ ทั้งรูปแบบ สี ลักษณะเม็ด ซึ่งจากข้อมูลทราบว่า เป็นยาบ้าที่เล็ดลอดเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้าน ที่มีกองทัพมดเข้ามาตั้งฐานผลิตแบบผู้ผลิตรายย่อย มีเครื่องมือขนาดเล็กเคลื่อนย้ายได้ง่าย โดยจุดสังเกตของยาบ้าที่ผลิตจากประเทศเพื่อนบ้านคือเม็ดสีเข้ม ตัวประทับ WY มีขนาดเล็กกว่าและไม่ลึก ตัวยามีความชื้น เสียง่ายหากจัดเก็บไม่ดี ตรวจสอบทางเคมีพบตัวยา หรือส่วนผสมจะมีน้อย โดยข้อดีที่ตลาดต้องการคือ ราคาถูกกว่ายาบ้าทั่วไปถึงเท่าตัว จึงน่าเป็นห่วงถึงสถานการณ์การทะลักเข้ามาของยาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้านที่จะต้องหาทางสกัดกั้นและปราบปรามขบวนการที่เกี่ยวข้องต่อไป
ด้านนายอภิวัฒน์ แสงจันทร์ ผู้ต้องหาให้การว่า ตนไม่ได้เป็นคนขนยาบ้ามาจากประเทศพม่า แต่ได้รับมาจากเครือข่ายค้ายาบ้าที่ใช้รถยนต์ฟอร์จูนเนอร์สีดำเป็นยานพาหนะนำมาส่งให้ยังจุดนัดหมาย ส่วนยาบ้าที่ตนรับมาจำหน่ายและเสพนั้นไม่ทราบว่าผลิตที่ไหนเพียงแต่ทราบว่ามีราคาถูกกว่ายาบ้าจากที่อื่น
อนึ่งก่อนหน้านี้ นายชลัยสิน โพธิเจริญ ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดภาค 8 (ปปป.8) จ.สุราษฏร์ธานี เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวในระหว่างเดินทางลงพื้นที่ จ.ระนอง ว่า ทาง ปปส.ภาค 8 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังดำเนินการเชิงรุกอย่างเต็มที่ ในการร่วมกันแก้ไขปัญหายาเสพติดที่กำลังระบาดรุนแรงในหลายพื้นที่
"ในส่วนของพื้นที่ชายแดนซึ่งถือเป็นพื้นที่จุดเสี่ยงในการที่ขบวนการค้ายาเสพติดอาจจะใช้เป็นช่องทางในการขนส่งยาเสพติดเข้ามายังประเทศไทยได้นั้น ทาง ปปส.ได้มีมาตรการสกัดกั้นชายแดนในการรับมือ โดยมีรายละเอียดในการปฏิบัติดังนี้ 1. การปฏิบัติตามกฏหมายอย่างเข้มงวด ประกอบกับการสืบสวน หาข่าว ลาดตระเวน วางกำลัง รวมถึงการตรวจค้น กดดัน 2. จัดตั้งชุมชนชายแดนที่เข้มแข็งขึ้นตามแนวตะเข็บชายแดนที่เป็นจุดเสี่ยง จุดล่อแหลมทั่วประเทศ เพื่อเป็นด่านสกัดกั้นการทะลักเข้ามาของยาเสพติด ซึ่งที่ผ่านมาถือเป็นจุดอ่อนในทางปฏิบัติโดยในปีนี้ทาง ปปส.จะให้ความสำคัญกับการจัดตั้งชุมชนชายแดนเป็นกรณีพิเศษ 3. ความร่วมมือระหว่างประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการตกลงร่วมกันในการร่วมกดับปราบปรามยาเสพติดระหว่างลาว และพม่า ส่วนการดำเนินการพื้นที่ตอนในต้องเป็นหน้าที่ของ จนท.ตำรวจ นอกจากนี้ทาง ปปส.กำลังเร่งปรับปรุงจุดตรวจ จุดสกัดให้เป็นด่านที่มีเทคโนโลยีที่ทันสมัย สามารถเช็คฐานข้อมูลของบุคคลได้อย่างทันท่วงที โดยในพื้นที่ภาคใต้เตรียมที่จะดำเนินการใน 3 จุด ทั้งที่ชุมพร และสุราษฏร์ธานี ส่วนแนวโน้มการแพร่ระบาดของยาเสพติดพบว่ายาบ้ายังครองตลาดอันดับหนึ่ง ส่วนที่กำลังมาแรงและคาดว่าจะเข้ามาทดแทนยาบ้าได้ในอนาคตคือยาไอซ์ ที่อดีตเป็นยาที่มีราคาแพง เสพในหมู่คนมีเงิน แต่ด้วยกลยุทธของคนขายที่ลดขนาดลงเพื่อให้ราคาถูกลงทำให้ขณะนี้เป็นที่นิยมในพื้นที่ภาคใต้เป็นอย่างมาก"
นายชลัยสิน กล่าวต่อว่า ในส่วนของแนวพรมแดนด้าน จ.ระนอง ซึ่งมีอาณาเขตติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้านทาง จนท.กำลังเร่งหาข้อมูลเรื่องยาเสพติดตัวใหม่ ซึ่งเป็นยาบ้าเกรดต่ำที่ใช้ตัวปั๊มนูนบนยาว่า SN แทน WY ซึ่งเป็นของว้า โดยล่าสุดมีการจับขบวนการได้ถึง 3 ครั้งที่ขนยาบ้าเกรดต่ำชนิด SN โดยมีกระแสข่าวว่ามีฐานผลิตใหญ่อยู่ในประเทศเพื่อนบ้านติดกับ จ.ระนอง ซึ่งหากเป็นจริงก็น่าเป็นห่วงและต้องหาทางสกัดกั้นต่อไป