บิ๊กอ๊อด” เตือนเฝ้าระวังโจรใต้บึ้มซ้ำปลายมี.ค.-กลางเม.ย.-ต้นพ.ค.

วันนี้ (4 เม.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ให้สัมภาษณ์ถึง

กรณีได้ออกมาเตือนให้เฝ้าระวังโจรใต้จะก่อเหตุรุนแรงอีกว่า เนื่องจากในช่วงปลายเดือนมี.ค.กลางเดือน เม.ย. และต้อนเดือนพ.ค.จะมีหลายงาน เช่น เทศกาลสงกรานต์   การประชุมองค์การการประชุมอิสลาม (โอไอซี) และจะมีการปฏิบัติการเพื่อระลึกถึงเหตุการณ์ตากใบ  กรือเซะ    เพราะฉะนั้นถ้าใครคิดจะทำอะไรหรือสร้างสถานการณ์เพื่อให้เกิดการปลุกปั่น สร้างสถานการณ์ร้ายแรงก็จะต้องสร้างผลงานในช่วงนี้  และทุกครั้งที่ปฏิบัติการเสร็จสิ้นในแต่ละภารกิจก็จะได้รับรางวัลด้วยเป็นเงินทุนสนับจากต่างชาติ ขณะที่รัฐบาลจะต้องทำงานในเชิงรุก  โดยเฉพาะงานด้านการข่าวที่จะต้องละเอียดรอบคอบ รวดเร็ว กว่านี้ และทำงานเป็นไปในทิศทางเดียวกันและบูรณาการ โดยตนจะเป็นตัวประสานงานและขับเคลื่อนการทำงาน 


รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง กล่าวว่า  หลังจากที่นายกฯกลับจากต่างประเทศ ตนจะเข้าไปหารือในเรื่องการทำงาน
 
โดยจะต้องให้เจ้าหน้าที่ กอ.รมน. เข้าไปชี้แจงการทำงานกับรัฐมนตรีทั้ง19 กระทรวงที่รับผิดชอบและเกี่ยวข้องกับกอ.รมน. เพื่อจะได้รับรู้ว่าตัวเองต้องทำหน้าที่อะไรบ้าง  เพราะขณะนี้แต่ละกระทรวงไม่รู้ว่ามีหน้าที่อะไรเกี่ยวข้องกับกอ.รมน.บ้าง  เมื่อถามว่า มีรายงานข่าวว่าเหตุก่อความไม่สงบจะขยายออกมานอกพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้หรือไม่ พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ยังไม่มีรายงานในเรื่องนี้เพราะความต้องการของเขายังอยู่ในพื้นที่ และวันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจทราบแล้วว่าใครเป็นผู้ก่อเหตุ โดยหัวโจกบางรายได้ออกหมายจับแล้ว  บางคนอยู่ติดตามจับกุมตัว และยังอยู่ในประเทศ ไม่ได้หลบหนีออกไปต่างประเทศ  และบ่ายวันเดียวกันนี้ก็จะรวบรวมภาพถ่าย ระบุตัวบุคคลออกมาให้ชัดเจน   โดยผู้ก่อเหตุมีหลายกลุ่ม และทุกกลุ่มอยากมีความหมายและอยากมีความสำคัญในการปฏิบัติการ  


 บิ๊กอ๊อด” เตือนเฝ้าระวังโจรใต้บึ้มซ้ำปลายมี.ค.-กลางเม.ย.-ต้นพ.ค.

เมื่อถามถึง การข่าวระบุมีรถต้องสงสัยประกอบระเบิดคาร์บอมบ์เหลืออีก 10 คัน  ทางตำรวจเข้าประกบติดตามได้แล้วหรือยัง 

พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวยอมรับว่า ยังรถที่ต้องสงสัยประกอบเป็นคาร์บอมบ์อีกหลายคัน  ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังตรวจสอบอยู่  ดังนั้นต่อไปนี้เราจะต้องมีการลงทะเบียนยานพาหนะรวมทั้งจะต้องมีการวางมาตรการเข้มงวดมากขึ้น  ทั้งการเข้าออก การจอดรถในแต่ละพื้นที่ด้วย  อย่างพื้นที่เกิดเหตุระเบิดที่โรงแรมลีการ์เด้นท์ เป็นพื้นที่สาธารณะ ที่ประชาชนและนักท่องเที่ยวอยู่รวมกันเป็นจำนวนมาก ถือเป็นจุดที่เมื่อเกิดเหตุแล้วจะมีเสียงดัง ทำให้ได้รับความสนใจจากต่างประเทศ และมีความสำคัญในการปฏิบัติการ   นอกจากนั้นก่อนหน้านี้ยังได้มีการซ้อมแผนเผชิญเหตุของอ.หาดใหญ่ จ.สงขลามาแล้ว รวมทั้งมีการเตือนการทุกโรงแรมแล้วแต่วันที่เกิดเหตุเป็นวันที่เปลี่ยน รปภ.พอดี จึงได้สั่งการให้ตำรวจเข้าไปตรวจสอบอย่างละเอียด และอีก 2-3 วัน ตนจะไปลงไปประชุมในเรื่องนี้ โดยต้องดูว่าเป็นกรณีที่มีเกลือเป็นหนอนหรือไม่ เพราะช่วงเวลาที่เกิดเหตุเป็นช่วงเวลาที่เปลี่ยนรปภ.และเอารถเข้าไปจอดพอดี


เมื่อถามว่า จำเป็นจะต้องประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ หรือไม่
 
พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่ายังไม่ได้มีการหารือกันในเรื่องนี้ต้องรอดูสถานการณ์เพิ่มเติมก่อนว่าจะเป็นอย่างไร หากจะมีการพิจารณาเรื่องนี้คณะกรรมการที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ร้ายแรงจะเรียกประชุมเพื่อประเมินสถานการณ์   อย่างไรก็ตามในสัปดาห์นี้ทาง อ.หาดใหญ่ ก็ยังจะมีการจัดกิจกรรมหลายอย่าง เพื่อเรียกความเชื่อมั่น เช่น งานมิดไนท์สงกรานต์   การแข่งขันวอลเลย์บอลชายหาดระดับประเทศ  และร้านค้าทุกร้ายก็เปิดค้าขายตามปกติแล้ว


ผู้สื่อข่าวถามว่า มีรายงานข่าวว่าสารระเบิดที่ใช้ก่อระเบิดนำเข้ามาจากต่างประเทศ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง กล่าวว่า  เป็นการนำเข้ามาทีละส่วน แล้วมาประกอบในเมืองไทย โดยผู้ที่มีความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษ  

เมื่อถามว่า เหตุระเบิดในอนาคตจะพัฒนาเป็นระเบิดพลีชีพหรือไม่ พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า  คงไม่ถึงขั้นนั้น

  ส่วนที่มีข่าวว่ามีนักการเมืองเข้าเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ตนยังไม่มีข่าวในเรื่องนี้  กำลังตรวจสอบอยู่   เมื่อถามอีกว่า  มีข่าวว่าก่อนหน้านี้รัฐบาลได้เจรจากับกลุ่มนายสะแปอิง แกนนำขบวนการบีอาร์เอ็นเดิม  พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่างเลี่ยงว่า ขออนุญาตไม่พูดเรื่องนี้   เมื่อถามย้ำว่า เหตุระเบิดทีเกิดขึ้นเป็นเพราะมีการไปล้มโต๊ะเจรจากับแกนนำกลุ่มบีอาร์เอ็นใช่หรือไม่ พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ไม่จริง ๆ สำหรับกรณีที่พรรคฝ่ายค้านเสนอให้เปิดการประชุมร่วมรัฐสภาเพื่ออภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติหารือเกี่ยวกับเหตุระเบิดในภาคใต้นั้น โดยส่วนตัวไม่ขัดข้องและพร้อมที่จะชี้แจง แต่ขอให้เป็นการประชุมลับ  ถ้าไม่ประชุมลับก็คงจะพูดในรายละเอียดไม่ได้


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์