พบอีกเจ้าหน้าที่ รพ.เอกชนเชียงใหม่ อ้างชื่อผู้อำนวยการสั่งซูโดฯ 2 ปี 2.1 แสนเม็ด สสจ.-อย. เข้าแจ้งความขยายผล คาดปลอมลายเซ็นผู้อำนวยการ พบเภสัชกรรพ.หนองกี่สั่งยาเกิน 9 หมื่นเม็ดชนิดน้ำ 1,500 ขวด
เมื่อวันที่ 2 เม.ย. นายแพทย์วัฒนา กาญจนกามล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า สสจ.เชียงใหม่ ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ปปส.ภาค 5 และตำรวจภูธร ภาค 5 เข้าตรวจสอบโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ภายหลังที่ สสจ.เชียงใหม่ พบความผิดปกติในการรายงาน ใช้ยาซูโดเอฟรีนายช่วงเดือน ม.ค.-มี.ค. 2554 โดยมีการสั่งซื้อยาจำนวน 60,000 เม็ด แต่การรายงานไปที่ อย. เป็นรายงานเท็จ
ผลการเข้าตรวจสอบครั้งนี้พบว่าในปี 2553-2554 มีการสั่งซื้อยาทั้งสิ้น 210,000 เม็ด จากโรง พยาบาลแห่งนี้ แต่พบว่ามีเจ้าหน้าที่ฝ่ายจัดซื้อจัดจ้างแอบอ้างชื่อโรงพยาบาลในการสั่งซื้อ ยา ขณะที่ยาไม่ ได้มาถึงที่โรงพยาบาล นอกจากนี้ยังพบว่าลายเซ็นต์ในการสั่งซื้อไม่ได้เป็นลายเซ็นของผู้อำนวยการ โรงพยาบาล ขณะนี้ อย.และ สสจ.เชียงใหม่ ได้เข้าแจ้งความที่ สภ.ช้างเผือก เพื่อให้ตำรวจทำการ สอบสวน แต่ในเบื้องต้นมีข้อมูลจาก ปปส.ภาค 5 ว่าขวดยาที่พบใน อ.สันกำแพง อาจเป็นล็อตเดียวกันที่จัด ส่งมายังโรงพยาบาลแห่งนี
สำหรับยาที่มีการแอบอ้างชื่อโรงพยาบาลสั่งซื้อทั้งหมด 210,000 เม็ด เจ้าหน้าที่รายนี้ได้สั่งซื้อและจ่ายเงินเองโดยไม่ผ่านระบบของโรงพยาบาล เบื้องต้นยังไม่ระบุว่าโรงพยาบาลจะมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ต้องรอผลการสอบ สวนในเชิงลึก
น.พ.วัฒนา กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 3 เม.ย. เป็นต้นไป กระทรวงสาธารณสุขจะประกาศให้ซูโดเดี่ยวและผสมเป็นวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท ประเภทที่ 2 ซึ่งก่อนหน้านี้แบบผสมไม่อยู่ในระบบนี้ หลังจากที่มีประกาศผู้ที่มียาทั้งสองชนิดในครอบครองต้องส่งคืนให้หมด ขณะที่ สสจ.เชียงใหม่ ได้แจ้งให้ร้านขายยา และคลินิกงดใช้ยาทั้งสองชนิดแล้วและต้องขออนุญาตเป็นผู้ครอบครองก่อนจึงนำไป ใช้ได้
พบเภสัชกรรพ.หนองกี่สั่งซื้อเกินแจ้งกว่า9หมื่นเม็ด
ความคืบหน้ากรณี นายสมพงษ์ ตีรถะ เภสัชกรปฏิบัติการ รพ.หนองกี่ จ.บุรีรัมย์ อ้างชื่อโรงพยาบาลสั่งซื้อยาซูโดอีเฟดรีนมาจำหน่ายที่ร้านขายยาของตัวเอง ล่าสุดจากการตรวจสอบของพนักงานสอบสวน สภ.หนองกี่ พบยอดการสั่งซื้อยาซูโดอีเฟดรีนในปี 2554 ที่ผ่านมา ยอดการสั่งซื้อยาที่โรงพยาบาลรายงานกับยอดของอย.มีรายงานไม่ตรงกัน คือ อย.รายงานว่า ส่งยาให้โรงพยาบาลเป็นยาชนิดเม็ดจำนวน 1.9 แสนเม็ด และชนิดน้ำจำนวน 4,500 ขวด แต่เจ้าหน้าที่ รพ.หนองกี่ ยืนยันว่า สั่งซื้อยาซูโดอีเฟดรีนชนิดเม็ดเพียง 1 แสนเม็ด และชนิดน้ำเพียง 3,000 ขวด ทางผอ.รพ.หนองกี่ จึงสงสัยว่าจะมีผู้แอบอ้างชื่อ รพ.หนองกี่ สั่งซื้อยาซูโดฯ เพื่อประโยชน์ส่วนตัว เบื้องต้นพนักงานสอบสวน สภ.หนองกี่ ได้เชิญเภสัชกรที่แอบอ้างชื่อโรงพยาบาลในการสั่งซื้อยาซูโดฯ มาสอบปากคำ แต่ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ และขอให้การในชั้นสอบสวนของเจ้าหน้าที่ดีเอสไอเท่านั้น
ตร.ลำปางเดินหน้าสอบยา"ซูโดฯ"หายที่ รพ.เสริมงาม
พล.ต.ต.พรชัย พักตร์ผ่องศรี ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดลำปาง เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนและงานสอบสวนของตำรวจภูธรจังหวัด ลำปางร่วมกับ สภ.เสริมงาม ลงพื้นที่ ทำการสืบสวนสอบสวนความผิดปกติกรณียาซูโดอีเฟดรีนที่หายไปในพื้นที่ จ.ลำปาง และจากรายงานมีเพียงโรงพยาบาลเสริมงาม อ.เสริมงาม จ.ลำปาง เพียงแห่งเดียว เท่านั้นที่พบความผิดปกติ โดยเป็นกรณีที่เภสัชกรของโรงพยาบาล ทำการสั่งซื้อยาซูโดอีเฟดรีนเข้ามาเกินกว่าความเป็นจริงจำนวนกว่า 40,000 เม็ด
เรื่องที่เกิดขึ้นผู้ว่าราชการจังหวัดลำปางได้ทำหนังสือสั่งการมายังตำรวจ ภูธรจังหวัดลำปางให้สืบสวนและเอาผิดตามกฎหมายกับผู้กระทำผิดและดูว่ามีการนำ ยาซูโดอีเฟดรีนที่สั่งซื้อเกินมาได้นำไปเกี่ยวข้องเป็นสารตั้งต้นยาเสพติด หรือไม่ ซึ่งกรณีที่เกิดขึ้นนั้น ถึงแม้เภสัชกรจะมีการลาออกจากราชการไปแล้ว หลังพบความผิดปกติ ขึ้นเมื่อเดือนกรกฏาคม 2554 ที่ผ่านมา แต่ทางกฎหมายนั้น เมื่อมีการแจ้งความดำเนินคดี ก็สามารถดำเนินการตามกฎหมายได้ เพราะอายุความสามารถดำเนินการตามกฎหมายได้ถึง 20 ปี
ชมรมแพทย์ชนบทหวั่นสอบยาซูโดฯมวยล้ม
นายเกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ประธานชมรมแพทย์ชนบท เข้ายื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ผ่านนายภักดีหาญส์ หิมะทองคำ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ขอให้ดำเนินการสอบสวนอย่างจริงจังกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการลักลอบนำ สารซูโดอีเฟดรีน ซึ่งเป็นสารตั้งต้นประกอบยาเสพติดออกไปจากโรงพยาบาล โดยขอให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยกับผู้เกี่ยวข้องอย่างเท่าเทียมกัน โดยไม่เลือกปฎิบัติหรือเลือกลงโทษ
ทั้งนี้ มีข้อมูลที่เชื่อว่า เรื่องดังกล่าวมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มนักการเมือง และผู้ใกล้ชิดข้าราชการระดับสูง จึงเกรงว่า จะให้ข้าราชการชั้นผู้น้อยเป็นแพะรับบาป จึงขอให้นายกรัฐมนตรี เร่งดำเนินการเรื่องนี้อย่างจริงจัง และเป็นธรรม
ประธานชมรมแพทย์ชนบท กล่าวด้วยว่า ทางชมรมเห็นด้วยที่ให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ เข้ามาตรวจสอบเรื่องนี้ เพราะกระทรวงสาธารณสุข ไม่สามารถจัดการปัญหานี้ได้อย่างเด็ดขาด