จับคลินิกจะนะ ขายยาเสียสาว

ทลายคลินิกขายยาเสียสาวที่จะนะ สงขลา รวบนายแพทย์พร้อมยาของกลาง 400 เม็ด

ตรวจสอบไม่มีใบอนุญาตจำหน่ายยา ค้นคลินิกพบกระปุกเปล่าใส่ยาอีกเพียบ แต่เจ้าตัวยังให้การปฏิเสธ เผยเริ่มระบาดหนักใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แก๊งโจ๋นิยมซื้อผสมดื่มกับ 4 คูณ 100 รวมถึงโจรใต้ผสมให้แนวร่วมกินก่อนลงมือป่วน ให้ปลุกเร้าชักจูงได้ง่าย

เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 29 มี.ค. พล.ต.ต. ลิขิต สุทธะพินทุ ผบก.ตชด.ภ.4 พ.ต.ท.วัฒนา เพ็งแก้ว ผบ.หน่วยเฉพาะกิจ ตชด.43

และเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ภ.จว.สงขลา ล่อซื้อยาอัลฟาโซแลม หรือยาเสียสาว ซึ่งเป็นยาอันตรายที่ออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทและจัดอยู่ในประเภทยาควบคุม ภายในคลินิกแพทย์ปรัชญา (หมอโปลี) ตั้งอยู่เลขที่ 463/6 เทศบาลตำบลบ้านนา อ.จะนะ โดยล่อซื้อยาอัลฟาโซแลมมาได้ 400 เม็ด จึงจับกุมน.พ.ปรัชญา อุดมศักดิ์ เจ้าของคลินิกดำเนินคดี

จากการตรวจสอบพบคลินิกมีใบอนุญาตประกอบโรคศิลปะถูกต้อง

แต่ไม่มีใบอนุญาตจำหน่ายยาออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท 4 (อัลฟาโซแลม) จากนั้นเข้าตรวจค้นภายในห้องเก็บยา แต่ไม่พบยาอัลฟาโซแลมเพิ่มเติม จึงตรวจยึดกระปุกเปล่าที่ใส่ยาอัลฟาโซแลมและเอกสารสั่งจ่ายยาที่ถูกทำลายบางส่วนไปตรวจสอบ

พล.ต.ต.ลิขิตกล่าวว่า ยาอัลฟาโซแลมหรือยาเสียสาวกำลังระบาดอย่างหนักในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้และอำเภอรอบนอก จ.สงขลา

เพื่อนำไปเป็นส่วนผสมกับยาเสพติด 4 คูณ 100 ซึ่งออกฤทธิ์รุนแรง โดยกลุ่มก่อความไม่สงบนิยมใช้ยาตัวนี้ให้แนวร่วมกินทุกครั้งก่อนปฏิบัติการ เนื่องจากสามารถชักจูงได้ง่าย และจากการขยายผลกลุ่มวัยรุ่นรายหนึ่งในอ.จะนะ ที่จับกุมได้ทราบว่าวัยรุ่นส่วนใหญ่ในอ.จะนะ มักซื้อยาชนิดนี้มาจากคลินิกแพทย์ปรัชญาในราคาเม็ดละ 12 บาท และไปขายต่อเม็ดละ 25 บาท โดยไม่ต้องให้แพทย์ตรวจร่างกาย

เบื้องต้นแจ้งข้อหาจำหน่ายวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทประเภท 4 (อัลฟาโซแลม) โดยไม่ได้รับอนุญาตให้กับบุคลคลซึ่งไม่ใช่คนไข้หรือคนป่วย จ่ายยาโดยไม่มีการตรวจ และไม่มีใบอนุญาตให้จำหน่ายวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท แต่น.พ.ปรัชญายังคงให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับยาอัลฟาโซแลมถือเป็นวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทที่ต้องควบคุม

โดยแพทย์สามารถครอบครองได้ไม่เกิน 1 กรัม และในกรณีที่จำหน่ายต้องมีใบอนุญาต อีกทั้งต้องทำบัญชีในการจ่ายยาและควบคุมการส่งมอบตามใบสั่งให้กับบุคคลโดยถูกต้อง ที่สำคัญต้องทำบัญชีรายการทุกครั้งตามแบบของกระทรวงสาธารณสุข และต้องจ่ายยาไม่เกินจำนวนเท่าที่จำเป็น