ล็อก พท.คาร์บอมบ์ เค้นสอบ พัวพันบึมป่วนกรุง

ภายหลังปฏิบัติการสายฟ้าแลบ


ของตำรวจกองปราบปรามที่ประสานกำลังทหารกองทัพภาคที่ 1 ใช้กฎอัยการศึกลุยค้นแหล่งต้องสงสัยพัวพันคดีลอบวางระเบิดป่วนกรุง พร้อมกัน 18 จุด ทั้งใน กทม.และต่างจังหวัด ล็อกตัว พ.ท.สุชาติ คัดสูงเนิน หรือ เสธ.คัด นายทหารสังกัด สรก. ทบ. ช่วยราชการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ กองพลรบพิเศษที่ 1 ค่ายเอราวัณ ต.เขาสามยอด อ.เมืองลพบุรี กับพวกไปสอบปากคำคลายปมบึม

มีทีม คาร์บอมบ์ หมายสังหาร พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ของ พ.อ.สุรพล สุประดิษฐ์ หรือ เสธ. ตี๋ และ ร.ท.ธวัชชัย กลิ่นชะนะ โดนเรียกไปสอบปากคำด้วย แต่ยังไม่มีพยานหลักฐานแจ้งข้อหาใครในเหตุก่อวินาศกรรมวันส่งท้ายปีเก่าที่ผ่านมา

ภาณุพงศ์ เรียกประชุมสรุปผล


ที่กองกำกับการปฏิบัติการพิเศษ กองปราบปราม (กก.ปพ.บก.ป.) ซอยโชคชัย 4 เขตลาดพร้าว เมื่อเวลา 08.00 น.วันที่ 21 ม.ค. พล.ต.ท.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา ผู้ช่วย ผบ.ตร. ฐานะหัวหน้าชุดสืบสวนคลี่คลายคดีก่อวินาศกรรมใจกลางกรุง 9 จุด ในคืนวันที่ 31 ธ.ค. 49 ได้เรียกประชุมคณะทำงาน ประกอบด้วย

พล.ต.ต.วรศักดิ์ นพสิทธิพร ผบก.ป.

พ.ต.อ.ฉัตรกนก เขียวแสงส่อง รอง ผบก.ป.

พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย รอง ผบก.ป.

พ.ต.อ.ฐิติราช หนองหาญพิทักษ์ รอง ผบก.ป.

พ.ต.อ.ปรีชา ธิมามนตรี รอง ผบก.หน.ศส.บช.น.

โดยมีการสรุปผลการตรวจค้นและยึดของกลางจากจุดต่างๆ รวม 18 จุดในแผนปฏิบัติการจู่โจมสายฟ้าแลบที่ผ่านมา

จวกแหลกลูกน้องทำข่าวรั่ว


บรรยากาศในการประชุมเต็มไปด้วยความเคร่ง เครียด เมื่อ พล.ต.ท.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา ผู้ช่วย ผบ.ตร. ได้สั่งกำชับไม่ให้บรรดาผู้สื่อข่าวเข้ามาในพื้นที่ กก.บฟ.บก.ป.เด็ดขาด ก่อนเปิดฉากตำหนิทีมเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ในแผนตรวจค้นกลุ่มผู้ต้องสงสัยอย่างรุนแรง เนื่องจากมีกระแสข่าวรั่วออกไปถึงสื่อมวลชนเกือบทุกแขนงในคืนก่อนปฏิบัติการ ส่งผลให้เกิดความเสียหายทางคดี

นอกจากนี้ ยังเร่งรัดให้ตรวจสอบของกลางที่ตรวจยึดมาทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเอกสารและอุปกรณ์ไฟฟ้า เช่น สายไฟ ที่มีลักษณะคล้ายกับอุปกรณ์ที่หลงเหลืออยู่ในที่เกิดเหตุหลังการระเบิดหลายจุดในวันเคาต์ดาวน์ส่งท้ายปี


พบคำให้การพิรุธหลายคน


ต่อมา พล.ต.ต.เจตน์ มงคลหัตถี รอง ผบช.น. พ.ต.อ.อนุชัย เล็กบำรุง รอง ผบก.ป. และทีมพนักงานสอบสวนเดินทางตามไปสมทบ เพื่อสอบปากคำผู้ต้องสงสัยอีกบางส่วน และนำผลการสอบสวนมาวิเคราะห์ข้อมูลความสัมพันธ์กัน พบมีคำให้การที่ส่อเค้าพิรุธของผู้ต้องสงสัยหลายคน ซึ่งชุดพนักงานสอบสวนจะเรียกมาสอบเพิ่มเติมอีกครั้งเพื่อให้ได้ความกระจ่างชัดเจน

อย่างไร ก็ตาม นายทหารที่ถูกเชิญมาสอบสวนทุกคนให้การปฏิเสธไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุลอบวางระเบิดที่เกิดขึ้นเมื่อวันส่งท้ายปีเก่า รวมทั้งคดีระเบิดที่อื่นๆ อาทิ

หน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์ของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ

ระเบิดที่หน้ากระทรวงยุติธรรม

หรือเหตุคาร์บอมบ์สังหาร พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร

ขณะเดียวกัน ทหารจากหน่วยรบพิเศษหลายคน ยอมรับว่า เคยได้รับการฝึกให้ประกอบระเบิดเพื่อทำลายล้างเป้าหมายจริง แต่ไม่มีความคิดที่จะก่อเหตุทำร้ายประชาชนผู้บริสุทธิ์


ระบุ เสธ.ต รับงาน


สำหรับนายทหารและพลเรือนทั้ง 15 คน ที่ถูกระบุ เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ใจกลางกรุง กระทั่งต้องใช้กฎอัยการศึกเชิญตัวมาสอบปากคำ มีรายงานจากการสืบสวนทราบว่า กลุ่มคนร้ายที่ลงมือได้แบ่งงานกันเป็นขบวนการ

เริ่มต้นด้วยกลุ่ม

เสธ. ต รับงานมาจากผู้บงการที่มีความขัดแย้งกับ คมช. หลังจากนั้น พ.ท. ม และ พ.ท. ส จะทำหน้าที่จัดหาวัตถุระเบิดไปให้ทหารชั้นประทวนประกอบ

ส่วนเซฟเฮาส์ที่ใช้ประกอบวัตถุระเบิดนั้น

เชื่อว่าเป็นสถานีวิทยุแห่งหนึ่งใน จ.ลพบุรี ก่อนส่งต่อให้กลุ่มพลเรือนที่สนิทสนมใกล้ชิดกับ เสธ. ต นำระเบิดที่ตั้งเวลาแล้วจ้างวานให้พลเรือนอีกกลุ่มนำไปวางตามแผน ซึ่งขณะนี้ชุดสืบสวนคลี่คลายคดีมีรายชื่อผู้ที่อยู่ในทีมระเบิดทั้งหมดแล้ว

เค้นเพิ่มอดีต ทส. พัลลภ


ล่าสุดคณะทำงานสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดีระเบิดเขย่าขวัญคนกรุงได้เชิญ พ.ท.มนัส สุขประเสริฐทหารสังกัดศูนย์สงครามพิเศษค่ายเอราวัณ จ.ลพบุรี ช่วยราชการ กอ.รมน. อดีตนายทหารคนสนิทของ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตรอง ผอ.กอ.รมน. ซึ่ง พ.ท.มนัส เป็น 1 ในผู้ต้องหาคดีคาร์บอมบ์

อีกคนมาสอบสวนเพิ่มเติมแล้ว มี พล.ต.ท.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา ผู้ช่วย ผบ.ตร. ไปสอบปากคำด้วยตัวเอง แต่ พ.ท.มนัสยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีระเบิดทั้ง 9 จุดใน กทม.แต่อย่างใด

โกวิท ให้รอ คมช.แถลง


พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร. กล่าวว่า ให้รอฟัง คมช.แถลงในวันที่ 23 ม.ค.นี้ เพราะจะมีการนัดประชุม คมช.ทั้งหมด พูดข้อเท็จจริงในหลายเรื่อง ขณะนี้ต่างคนต่างพูดกันไป แต่ผู้ใหญ่ทราบเรื่องกันดีอยู่แล้ว ตนในฐานะผู้ปฏิบัติก็ไม่สามารถเปิดเผยอะไรได้ ตำรวจยังทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีการจับแพะแน่นอน


สนธิ รับต้องจับอีกหลายกลุ่ม


ที่สนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อเวลา 11.00 น. พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. และประธาน คมช. ให้สัมภาษณ์ ก่อนเดินทางไปเยือนผู้นำทางทหารของประเทศจีน ถึงกรณี เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามเข้าตรวจค้นแหล่งต้องสงสัย ผู้ที่พัวพันคดีลอบวางระเบิด 9 จุด ทั่ว กทม.และ จ.นนทบุรีว่า

ขณะนี้ได้รับรายงานแล้ว ทราบว่าการสอบสวนในชั้นต้น ทุกคนปฏิเสธ ยังไม่มีข้อมูลอะไรที่ชัดเจนว่าปฏิบัติหรือไม่ปฏิบัติ ผู้สื่อข่าวถามว่า ผู้ต้องสงสัยส่วนใหญ่เป็นทหารหน่วยรบพิเศษ พล.อ.สนธิกล่าวว่า ยังไม่มอง เพราะยังมีเยอะที่ต้องจับกุม มีอีกหลายสี ไม่ได้มีเฉพาะทหาร ยังมีอีกหลายสี

ไม่ใช่มีเฉพาะสีเขียว-สีกากี


ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า รู้ข้อมูลใช่หรือไม่ว่าเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นมีกลุ่มใดเชื่อมโยงกันบ้าง พล.อ.สนธิกล่าวว่า การไปควบคุมตัวไม่ใช่หมายถึงว่าเป็นผู้ต้องหา ฉะนั้นเมื่อตำรวจสงสัยใครก็ไปเชิญตัวมาสอบ ยังมีอีกหลายสี ไม่ใช่เฉพาะสีเขียว สีกากี ยังมีถึง 4 สี

เมื่อถามว่า ตำรวจไปควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยที่ส่วนใหญ่เกี่ยวพันกับคดีคาร์บอมบ์

พล.อ.สนธิกล่าวว่า การวิเคราะห์มีประเด็นเกี่ยว กับพฤติกรรมจะมีหรือไม่อย่างไร เมื่อเคยมีก็ต้องสงสัยไว้ก่อนว่าพวกนี้มีศักยภาพ ก็ต้องไปดูว่าเขาทำหรือไม่ เป็นการวิเคราะห์ของเจ้าหน้าที่

ย้ำตำรวจต้องตรงไปตรงมา


เมื่อถามว่าจะเกี่ยวโยงไปถึงกลุ่มอำนาจเก่าที่เสียผลประโยชน์หรือไม่ พล.อ.สนธิกล่าวว่า เดี๋ยวไปถึงเอง เรื่องของการดำเนินการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตนเรียนไปว่า ขอให้ตรงไปตรงมา อย่าให้มันเป็นแพะ ก็คงมีประวัติศาสตร์ที่คงจำกันได้เรื่องเชอร์รี่แอน ดันแคน ปัญหาตรงนั้นที่เป็นบทเรียนของการปฏิบัติงานตรงนี้ ขอให้ตรงไปตรงมา ถ้าเผื่อว่าไม่ตรงไปตรงมา ผบ.ตร.ต้องรับผิดชอบ


ขู่ ผบ.ตร.รับผิดชอบถ้าจับแพะ


ต่อข้อถามว่า นายกรัฐมนตรีได้กำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจเรื่องการลอบวางระเบิด แต่เพียงแค่ 2 วันก็มีการควบคุมผู้ต้องสงสัย ทำให้ประชาชนสงสัยว่าจะเป็นการจับแพะ ประธาน คมช.กล่าวว่า อย่างที่ตนเรียนแล้วว่าถ้าเผื่อเป็นอย่างนั้น ผบ.ตร.ต้องรับผิดชอบ เมื่อถามย้ำว่ารับผิดชอบแค่ไหน จะต้องพิจารณาในตำแหน่งของตัวเองหรือไม่ พล.อ.สนธิตอบว่า เดี๋ยว ผบ.ตร.ก็รู้เองว่า ความรับผิดชอบมีแค่ไหน และต้องตัดสินใจของท่านเองด้วยว่าทำไปถูกต้องหรือไม่

เพราะการไปจับใคร ผบ.ตร. ต้องรู้อยู่แล้ว ความรับผิดชอบตรงนี้สูง เมื่อถามว่าได้ กำหนดระยะเวลาตรวจสอบ ก่อนที่ ผบ.ตร.จะรับผิดชอบตรงจุดไหนบ้าง พล.อ.สนธิกล่าวว่า ต้องรอเวลา ข้อเท็จจริงจะปรากฏเอง

โยนเป็นข้อมูลของตำรวจ


ส่วนข้อมูลที่ทราบเชื่อมโยงไปถึงกลุ่มบุคคลต่างๆ มีมากแค่ไหนนั้น ประธาน คมช.กล่าวว่า ไม่มี เป็นเรื่องของตำรวจหมด เขาขอจะจับใครก็เล่าให้เราฟัง กองทัพเพียงแค่รับทราบเท่านั้น

เมื่อถามว่า มีการประกาศกฎ อัยการศึก โทษสูงสุดของผู้ที่ลอบวางระเบิดเป็นอย่างไร

พล.อ.สนธิกล่าวว่า ค่อนข้างแรง ตามกฎหมายถึงขั้นประหาร ต้องถามนักกฎหมายอีกครั้ง เมื่อถามว่ากลุ่มคนที่สงสัยลอบวางระเบิดจะเป็นกลุ่มเดียวกับที่เคยลอบวางระเบิด พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ หรือไม่ พล.อ.สนธิกล่าวว่า การสงสัยไม่เกี่ยวกับการปฏิบัติ คนละเรื่องกัน เพราะคนบางคนเป็นครูสอนทำระเบิด ไม่ได้หมายความว่าต้องไปวางระเบิด บางคนไปซื้อรถบังคับวิทยุก็เช่นกัน ไม่ได้หมายความว่าจะไปบังคับจุดระเบิด ไม่เกี่ยวกัน

สพรั่ง มั่นใจคดีคลี่คลาย


ด้าน พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ผู้ช่วย ผบ.ทบ และผู้ช่วยเลขาธิการ คมช. กล่าวว่า สิ่งที่กำลังจับตามองผู้ที่อยู่เบื้องหลังและผลของข่าวจะถูกนำไปวิเคราะห์ว่า เข้าถึงเป้าหมายหรือพลาดเป้าหมายที่วางไว้หรือไม่ จึงไม่อยากให้พูดถึงกันมาก เพราะประเทศไทยมีเสรีภาพในการเสนอข่าวเรื่องความมั่นคง ซึ่งจะเกิดความเสียหาย

อยากให้ประชาชนเชื่อมั่น

ว่าสิ่งที่เรารับผิดชอบเป็นสิ่งที่อบอุ่นใจ แม้จะยังไม่สำเร็จ แต่เชื่อว่าทุกอย่างต้องสำเร็จคลี่คลาย อยากสร้างบรรทัดฐานให้คนรุ่นต่อไปมีความรับผิดชอบเข้มแข็ง ไม่ปล่อยให้เป็นปัญหาไฟลามทุ่ง ต้องตัดไฟแต่ต้นลม ไม่ปล่อยให้ดินพอกหางหมู จนกระทั่งวัวหายล้อมคอก

วอนอย่าถามประเด็นจับแพะ


พล.อ.สพรั่งกล่าวอีกว่า สิ่งเหล่านี้ถ้าเป็นจิตสำนึกของผู้ที่ดูแลชาติบ้านเมืองทุกฝ่าย โจรผู้ร้ายผู้ก่อการร้ายก็อยู่ไม่ได้ แต่เราขาดสิ่งเหล่านี้ บางอย่างก็โรคซ้ำกรรมซัด ดังนั้น ต้องตระหนักถึงการมีส่วนร่วมของคนไทย

ไม่ใช่ ส่วนร่วมแบบจัดแถวตั้งขบวน แสดงกิจกรรมชั่วครั้งชั่วคราว และต้องรู้เท่าทันคนที่เราจะไปร่วมอุดมการณ์ หรือศรัทธา ศึกษาที่ไปที่มาของกลุ่มบุคคลองค์กรต่างๆ ที่ทำกิจกรรม ถ้ารู้ที่ไปที่มาเราสามารถถอนตัวก่อนที่จะพลาดท่าเสียที

ก่อนจะหลวมตัวไปติดชนักในบางเรื่องที่เป็นปัญหาของสังคมไทย ผมไม่อยากให้ถามว่า ข่าวที่จับมา คนนั้นจะเป็นแพะเป็นแกะ เราต้องดูกันว่าสังคมไทยข้าราชการที่ทำหน้าที่ใครเป็นคนทำหน้าที่หน่วยแรก หน่วยต่อมารับลูกเข้ามา มีการกลั่นกรองตรวจสอบว่า สิ่งนั้นถูกต้องหรือไม่ เป็นข่าวที่สะเทือนความรู้สึกความสนใจของข่าวดังๆ จนนำไปสู่ความไม่มั่นใจหรือความหวาดกลัว

ย้ำเป้าคนมีสี-ผู้เสียประโยชน์


ผู้ช่วย ผบ.ทบ.กล่าวต่อว่า เคยอธิบายแล้ว ภาพที่นำมาปะติดปะต่อเรื่องราวที่เคยพูดว่า คนทำต้องมีศักยภาพ มีความคุ้นเคยที่เราเข้าใจว่า เป็นคนมีสี เป็นกลุ่มเสียผลประโยชน์ ฉวยโอกาส เหมือนเชื้อโรคฉวยโอกาส ตนไม่เคยพูดว่าจะเป็นนาย ก หรือนาย ข

เพียงแต่บอกว่า คนที่จะทำมีสีตั้งแต่แรกแล้ว ซึ่งมักจะเป็นอย่างนั้น เมื่อถามว่า จุดประสงค์ที่เขาต้องการทำเพื่ออะไร พล.อ.สพรั่งกล่าวว่า เป็นเหตุผลทางการเมืองที่ได้พูดชัดเจนไปแล้ว เหมือนกับการเมืองท้องถิ่นที่เกิดการฆ่ากัน เพราะขัดผลประโยชน์ทางการเมืองท้องถิ่น


แช่งรับผลกรรมตามถึงชาติหน้า


ผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นการดิสเครดิตรัฐบาลและ คมช. ใช่หรือไม่

พล.อ.สพรั่งกล่าวว่า ถ้าเป็นผลทางการเมือง ก็ชัดเจนอยู่แล้ว เพราะไม่รู้จะไปดิสเครดิตประชาชนตรงไหน เมื่อคุมสถานการณ์ไม่ได้ก็ใส่ร้ายกันว่า คมช. ทำเอง ง่ายดี เพราะสังคมไทยใส่ร้ายป้ายสีกัน ไม่ใช่ว่าจะเชื่อกันง่ายๆ แต่รับกันเลย เพราะสังคมเคยทำอย่างนี้ มาก่อน

คนที่ทำก็ยังมีชีวิตอยู่ลอยหน้าลอยตากัน ถ้าเขาเชื่อกฎแห่งกรรม ผลของกรรมอาจจะไม่ส่งผลในชาตินี้ แต่ชาติหน้า ชาติต่อๆไป บางกรรมไปทำต่อผู้ที่มีพระคุณจะเห็นผลทันตา เพราะกรรมหลายๆกรรมที่ทำไม่ได้ดีมารวมกัน

ยัน คมช.ไม่ได้สั่งบอมบ์เอง


ส่วนประเด็นที่ประชาชนเริ่มสับสนว่า คมช.อาจทำเองนั้น พล.อ.สพรั่งตอบว่า ไม่สับสน กลุ่มที่ใส่ร้ายเรากำลังโหมเติมเชื้อเพลิง คมช.พยายามดึงเครดิตของตัวบุคคลของ คมช.เอง เพราะบางคนใช้เกียรติภูมิชื่อเสียงของตัวเองค้ำประกัน แต่บางคนแม้มีเงินเป็นพันๆล้านบาทก็ค้ำประกันอะไรไม่ได้ คมช.ทุกคนใสสะอาด ฉะนั้นบางครั้งเราไม่ต้องเดือดร้อนไปทุกครั้ง แต่ต้องเริ่มบอกประชาชนว่า ฝ่ายตรงข้ามเริ่มเล่นเกมสกปรกแล้ว

มทภ.1 ชี้แค่เชิญตัวไม่ใช่ผู้ต้องหา


พล.ท.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวถึงกรณีที่ส่งทหารเข้าไปร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจค้นผู้ต้องสงสัยลอบวางระเบิดว่า เป็นการเข้าไปดูแลความ เรียบร้อยของทางคดี ไม่ใช่ผู้ต้องหา เพียงแต่เชิญตัวมาสอบข้อเท็จจริง มีมากกว่านี้อีกหลายกลุ่ม ชุดนี้เป็น เพียงชุดแรกที่เชิญตัวมาเพื่อสอบถามความคืบหน้าขอชี้แจงว่ายังไม่ใช่ผู้ต้องหา ยังมีอีกหลายกลุ่ม กองทัพภาคที่ 1 จะเข้าไปดูแลทั้งหมด

เมื่อถามว่าจะเข้าไปดูใน หน่วยทหารไหนอีกหรือไม่

พล.ท.ประยุทธ์กล่าวว่า ที่ตำรวจแจ้งมามีเท่านี้ แต่ในส่วนอื่นที่อยู่ในรายชื่อ ยังมี อีกหลายกลุ่ม เมื่อถามว่ามีจำนวนอีกเท่าไหร่ พล.ท.ประยุทธ์ กล่าวว่า ต้องรอฟังความคืบหน้าของคนที่เชิญตัวมา สอบถามก่อน

ส่งทหารกรมพระธรรมนูญไปดูแล


พล.ท.ประยุทธ์กล่าวด้วยว่า ได้ส่งทหารกรมพระธรรมนูญเข้าไปดูแลตั้งแต่เชิญตัวมาจนถึงสอบปากคำ มีทหารอยู่ด้วย 24 ชั่วโมง ถ้ามีอะไรที่ไม่ชอบมาพากลก็จะรู้ และอย่างที่บอกแล้วว่า ต้องมีคนรับผิดชอบในส่วนตรงนี้ ถ้าไม่ใช่ผู้กระทำความผิดแล้ว ลงความเห็น ว่าผิด เหมือนเป็นแพะ

ดังนั้น ต้องมีคนที่ต้องรับผิดชอบ เพราะเป็นห่วงถึงต้องเอาทหารเข้าไปร่วมสอบสวนด้วย เรามีอำนาจตามกฎอัยการศึกอยู่ พยายามทำให้เป็นธรรมมากที่สุด อยากชี้แจงว่าชุดแรกที่เชิญมาไม่ใช่ผู้ต้องหา เชิญมาเพื่อสอบปากคำ เพื่อหาร่องรอยโยงใยไปกลุ่มอื่นๆ อีกที่มีอีกหลายกลุ่ม

อ้างตำรวจเสนอชื่อมาเอง


แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวอีกว่า ได้ตรวจสอบอย่างละเอียดแล้วว่าทหารกองทัพภาคที่ 1 เข้าไปเกี่ยวข้องหรือไม่ พบมีกลุ่มหนึ่งที่ออกจากราชการไปแล้ว แต่ไม่ได้ อยู่ในสายงานหลักอะไร เพียงแค่มีรายชื่อออกมาจากตำรวจ เราก็แสดงความบริสุทธิ์ใจให้ตรวจสอบได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า ทหารส่วนใหญ่เป็นทหารจากหน่วยรบพิเศษเกี่ยวพันกับ พล.อ.สุยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. ที่เคยดูแลหน่วยนี้อยู่

พล.ท.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่จำเป็น สิ่งที่มุ่งประเด็นคือผู้ที่เคยได้รับการฝึกมาก่อน หรือเคยมีความสามารถเรื่อง ระเบิด เพราะต้องรู้จักกันมาก่อน ต้องให้เวลาตำรวจสอบสวน

ไม่เกี่ยวข้องกับ สุรยุทธ์-สนธิ


ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า สามารถชี้แจงได้หรือไม่ว่าไม่ได้เป็นลูกน้องของ พล.อ.สุรยุทธ์ และ พล.อ.สนธิ แม่ทัพภาคที่ 1 ตอบว่า ไม่ใช่ ทุกวันนี้ที่ปฏิรูปการปกครองก็เพื่อชาติบ้านเมือง ไม่ได้ทำเพื่อใคร ต้องการให้ประชาชนเป็นปกติสุข เพราะฉะนั้นคงไม่ทำให้ชาติบ้านเมืองแย่ไปกว่าเดิม ส่วนจะฟันธงว่าเป็นกลุ่มไหนนั้น พล.ท.ประยุทธ์กล่าวว่า เป็นกลุ่มคนที่มีการต่อต้านรัฐบาล และต้องการโยงประเด็นต่างๆ ให้เกิดความวุ่นวายพอสมควร

แต่ที่กล่าวไม่ได้ว่าเป็นใคร ขอให้วางใจว่า ในส่วน ของรัฐบาลและ คมช. รวมถึงกองทัพเราทำเพื่อชาติบ้านเมือง จริงๆ คงไม่ใช้วิธีการสกปรกทำเรื่องเหล่านี้ เมื่อถามว่า แสดงว่าเป็นกลุ่มผู้ที่เสียผลประโยชน์ พล.ท.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็มีกลุ่มพวกนี้อยู่ด้วย มีทั้งกลุ่มผู้เสียผลประโยชน์ ที่ต้องการอำนาจกลับคืนมา เพราะเมื่อมีการปฏิรูปการปกครองก็จะมีคนเสียประโยชน์ มีคนสูญเสียอำนาจ

เตรียมเรียกสอบกลุ่มอำนาจเก่า


พล.ท.ประยุทธ์กล่าวด้วยว่า จะเชิญตัวกลุ่มผู้เสียผลประโยชน์มาพูดคุยหลายๆกลุ่ม ไม่เฉพาะกลุ่มอำนาจเก่า กลุ่มผู้มีอิทธิพล กลุ่มผู้เสียผลประโยชน์ หรือผู้ที่อยู่ในกลุ่มการเมือง อาจจะกลุ่มเก่า หรือกลุ่มใหม่ คนเหล่านี้ น่าจะรู้อะไรบ้าง จำเป็นต้องเชิญมาสอบถาม

เสธ.แดง เตือนระวังแพะชนแกะ

พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ผู้ทรงคุณวุฒิ กองทัพบก ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ถึงกรณีที่มีรายชื่อของ ผู้ต้องหาคดีคาร์บอมบ์เข้าไปเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดใน กทม. ว่า ส่วนตัวแล้วไม่เชื่อว่าบุคคลเหล่านี้ลงมือก่อเหตุ แต่ผู้ที่ อยู่เบื้องหลังและผู้กระทำนั้นน่าจะเป็นอดีตสมาชิกพรรค การเมืองกลุ่มอำนาจเก่าสายคอมมิวนิสต์ ก่อเหตุเพื่อต้องการ ลดความน่าเชื่อถือของ คมช

เพราะตั้งแต่คณะปฏิรูปการ ปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข (คปค.) เปลี่ยนเป็น คมช.กลับไม่มีการปฏิบัติใน เชิงรุกอย่างเข้มแข็งและเด็ดขาด ทำให้กลุ่มผู้ที่เสียผลประโยชน์ทางการเมืองสามารถออกมาก่อเหตุวางระเบิด เผาโรงเรียน สร้างความวุ่นวายต่างๆได้

นอกจากนี้ยังปล่อย ให้นายตำรวจที่เป็นต้นเหตุสร้างความวุ่นวายในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้รับตำแหน่งใหญ่โต และอยู่ ในทีมคลี่คลายคดีระเบิดครั้งนี้ด้วย จึงอยากให้ประชาชนได้จับตาดูว่า การคลี่คลายคดีของตำรวจชุดนี้จะมีการจับ แพะชนแกะหรือไม่


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์