จับ29หนุ่มไทยค้ากามตร.หญิงฮ่องกงล่อซื้อ

หนุ่มไทยป้ายเหลือง 29 คนสิ้นลาย ตำรวจฮ่องกงจับขณะลักลอบขายบริการทางเพศในไนต์คลับหรูเมืองฮ่องกง เผยใช้ตำรวจหญิงซ้อนกลปลอมเป็นลูกค้าซื้อบริการ ก่อนรวบยกแก๊ง พร้อมส่งตัวไปกองตรวจคนเข้าเมืองยกเลิกสถานะพำนักในฮ่องกง

ปัญหาการค้าประเวณี-ค้ามนุษย์ยังคงสร้างความหนักใจให้แก่หน่วยงานที่ดูแลรับผิดชอบอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการลักลอบค้าประเวณีในต่างแดนนั้น ถือเป็นปัญหาหนึ่งที่ยากต่อการปราบปราม รวมทั้งยังทำให้ประเทศเสียชื่อเสียงเป็นอย่างมาก ล่าสุดตำรวจฮ่องกงได้จับกุมตัว 29 หนุ่มไทยภายในไนต์คลับแห่งหนึ่ง หลังสืบทราบว่าหนุ่มไทยดังกล่าวลักลอบเข้ามาขายบริการทางเพศ

เมื่อวันที่ 18 มกราคม ตำรวจฮ่องกงแถลงว่า ได้จับกุมชายไทย 29 คน ที่ทำงานอยู่ในคลับแห่งหนึ่งเมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา หลังตกเป็นผู้ต้องสงสัยค้าประเวณี ซึ่งการจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากตำรวจหญิงนอกเครื่องแบบปลอมตัวเป็นนักท่องราตรีเข้าไปเที่ยว หลังจากได้รับรายงานว่า หญิงมีฐานะที่เข้ามาเที่ยวไนต์คลับแห่งนี้ได้รับข้อเสนอให้ซื้อบริการทางเพศจากชายไทยที่ทำงานอยู่ในคลับดังกล่าว

รายงานข่าวเผยว่า ตำรวจได้จับกุมพนักงานร้านอีก 3 คน ก่อนที่จะสั่งปิดไนต์คลับแห่งนี้ทันที ขณะที่ชายไทยทั้ง 29 คน ถูกส่งตัวไปยังกองตรวจคนเข้าเมืองเพื่อยกเลิกสถานะผู้พำนักในฮ่องกง

ทั้งนี้ จำนวนผู้ชายในฮ่องกงมีน้อยกว่าผู้หญิงมาก โดยเฉพาะเมื่อจำนวนผู้หญิงบนเกาะไข่มุกแห่งนี้เพิ่มขึ้นจากการที่มีหญิงชาวต่างชาติกว่า 200,000 คน แห่แหนเข้าไปทำงานเป็นแม่บ้าน ขณะที่จำนวนประชากรผู้หญิง 6.9 ล้านคน แม้จะทำงานมีเงินมีทองร่ำรวย แต่กลับไร้รัก เนื่องจากมักจะนิยมแต่งงานช้าและไม่ยอมสร้างครอบครัว เพื่อหน้าที่การงาน จนทำให้เกาะแห่งนี้มีอัตราการเกิดของประชากรใหม่น้อยที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

ขณะเดียวกัน ที่ประเทศไทย กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดต่อเด็ก เยาวชน และสตรี (บก.ปดส.) นำโดย พ.ต.ต.อุเทน นุ้ยพิน สว.งาน 1 กก.1 บก.ปดส. พร้อมกำลัง จับกุม นายจำรัส วงค์ตาคำ อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 123 หมู่ 2 ต.ออนกลาง กิ่ง อ.แม่ออน จ.เชียงใหม่ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 107/2550 ลงวันที่ 11 มกราคม 2550 หลังสืบสวนขยายผลในคดีส่งหญิงไทยไปค้าประเวณีในแถบภูมิภาคตะวันออกกลาง

จากการสืบสวนทราบว่า นายจำรัสมีพฤติการณ์เป็นผู้นำเหยื่อไปส่งที่สนามบิน พร้อมกับเป็นผู้จัดเตรียมตั๋วเครื่องบินให้ โดยเปิดสำนักงานขายตั๋วเครื่องบิน ตั้งอยู่เลขที่ 88/31 ซอยประชาชื่น 7 ถนนประชาชื่น อ.เมือง จ.นนทบุรี จึงวางแผนเข้าจับกุมพร้อมเข้าตรวจค้นสำนักงานดังกล่าว โดยยึดของกลางเป็นเอกสารการจองตั๋วเครื่องบินและเอกสารต่างๆ อีกจำนวนหนึ่ง จึงควบคุมตัวพร้อมของกลางไว้สอบสวนดำเนินคดีที่ บก.ปดส.