ตร.สอบเหตุ3อิหร่านก่อบึ้มสุขุมวิท71 พัวพัน"อาทริส"คดีครอบครองสารตั้งต้นระเบิดหรือไม่ ตม.รวบเพิ่มอีก1ขณะเตรียมเผ่นออกนอก พบหญิงไทยมีเอี่ยว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในวันเดียวกัน ก่อนเกิดเหตุ3คนร้ายชาวอิหร่านลอบผลิตระเบิดจนเกิดระเบิดขึ้นภายในบ้านเช่าซอยสุขุมวิท 71นั้น เมื่อเวลา 10.00 น.ที่กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน (บช.ตชด.) พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รอง ผบ.ตร. ได้ประชุมติดตามความคืบหน้าคดีนายอาทริส ฮุสเซน อายุ 47 ปี ชาวเลบานอน ผู้ต้องหาในข้อหาตามความผิด พ.ร.บ.ควบคุมยุทธภัณฑ์ พร้อมเปิดเผยภายหลังว่าขณะนี้พนักงานสอบสวนได้รับรายงานผลการตรวจสารระเบิดในบ้านพักทั้ง 2 หลังของผู้ต้องหาพร้อมพวกที่ไปเช่าอยู่ และรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องได้ครบหมดแล้ว คาดภายในสัปดาห์หน้าจะสรุปสำนวนคดีส่งให้กับพนักงานอัยการได้ ส่วนผู้ต้องหานายอาทริส ขณะนี้ฝากขังต่อศาลอาญาผัดที่ 2 ไปแล้ว มั่นใจว่าตำรวจส่งฟ้องได้ทันก่อนครบกำหนดฝากขังทั้ง 4 ผัดแน่นอน
พล.ต.ท.เจตน์ มงคลหัตถี ผู้ช่วย ผบ.ตร. กล่าวว่าที่ประชุมกำลังรอผลตรวจพิสูจน์สารแอมโมเนียไนเตรส
จากผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิด เพื่อนำมาขยายความทางวิชาการเพิ่มเติม โดยจะนำผลตรวจพิสูจน์มารายงานและยืนยันความชัดเจนอีกครั้งว่าสารแอมโมเนียไนเตรส ที่ผู้ต้องหาครอบครองนั้นสามารถนำไปเป็นส่วนประกอบเป็นวัตถุระเบิดได้หรือไม่
พล.ต.ท.เจตน์ กล่าวว่าจากการตรวจสอบสารดังกล่าวเบื้องต้นนั้นพบว่าสารแอมโมเนียมไนเตรสเพียงอย่างเดียวไม่สามารถใช้เป็นระเบิดได้
เนื่องจากต้องมีการผสมสารเคมีอื่นๆอีกหลายตัว ต้องรอผู้เชี่ยวชาญมาตอบคำถามยืนยันให้ชัดเจนอีกครั้ง ส่วนนายอาทริสผู้ต้องหาเบื้องต้นมีเพียงข้อหาตามพ.ร.บ.ควบคุมยุทธภัณฑ์เท่านั้น อย่างไรก็ตามในวันที่ 17 กุมภาพันธ์นี้จะประชุมอีกครั้ง ถึงเรื่องการแจ้งข้อหาเพิ่มเติมอะไรได้บ้าง เช่น ข้อหาครอบครองระเบิด หรือ ข้อหาผลิตระเบิด ได้หรือไม่คาดว่าจะชัดเจนมากขึ้น
พล.ต.ท.เจตน์ กล่าวว่า ทั้งนี้จากการตรวจสอบบ้านพักของผู้ต้องหาที่ใช้เป็นที่เก็บสารแอมโมเนียมไนเตรสดังกล่าวนั้นสามารถพิสูจน์พยานหลักฐานยืนยันได้หมดแล้ว ส่วนนายเจมส์ แซมมี่ เปาโล อายุ 40 ปี ชาวเลบานอน ผู้ต้องหาที่ออกหมายจับเพิ่มเติมอีกรายนั้น ยังจับกุมตัวไม่ได้
รายงานข่าวแจ้งว่าตำรวจชุดสืบสวนสอบสวนเตรียมขยายผลสอบถึงกรณี3คนร้าย
ก่อเหตุระเบิดภายในบ้านเช่าซอยสุขุมวิท 71 นั้นจะเกี่ยวโยงกับนายอาทริสผู้ต้องหาคดีครอบครองสารระเบิดด้วยหรือไม่ ขณะที่ พล.ต.อ.ปานศิริ กล่าวว่าจะเกี่ยวข้องกับนายอาทริสหรือไม่นั้นเบื้องต้นคาดว่าไม่เกี่ยวเพราะกลุ่มนั้นเป็นชาวเลบานอนและไม่มีชาวอิหร่าน อย่างไรก็ตามจะมีความเกี่ยวข้องหรือไม่นั้นจะต้องรอสอบสวนก่อน
พล.ต.อ.ปานศิริ กล่าวอีกว่า ส่วนบ้านที่เกิดเหตุระเบิดภายในสุขุมวิท71 ดังกล่าวเป็นที่เก็บวัตถุระเบิดและจากการตรวจสอบคนร้ายมี3คน เป็นชาวอิหร่าน
โดยที่เกิดเหตุพบกระเดื่องชนิดเดียวกันที่ขว้างใส่รถแท็กซี่ ซึ่งคาดว่าระเบิด3จุดมาจากคนร้ายคนเดียวกัน จากการตรวจสอบเอกสารภายในกระเป๋าเป้คนร้ายพบเอกสารเดินทางเข้าประเทศไทยเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ จากภูเก็ตลงสนามบินสุวรรณภูมิ แต่ยังไม่ยืนยันว่าระเบิดที่พบภายในบ้านเป็นระเบิดชนิดใด ต้องขอเวลา
"ยืนยันว่าภายในบ้านหลังดังกล่าวยังมีระเบิดและสารประกอบระเบิดอยู่จริง ขณะนี้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักและเจ้าหน้าที่อีโอดี กำลังเก็บกู้อยู่ โดยสวมชุดบอมส์สูท เข้าไปเก็บกู้ระเบิดที่เหลือภายในบ้าน ส่วนผู้ต้องหาอีก2รายกำลัง อยู่ระหว่างติดตามตัวส่วนจะเป็นกลุ่มก่อการร้ายหรือไม่ต้องรอสอบสวนอีกครั้ง"รองผบ.ตร.ระบุ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับผู้ต้องหากลุ่มนี้มีทั้งหมด 3 คน เป็นชาย 2 คนและหญิงไทยไม่ทราบชื่ออีก 1 คน
ประกอบด้วยนายซาเอ็ด โมราบิ(Mr.Saeid Morabi) อายุ 28 ปี ถือหนังสือเดินทางเลขที่ WO - 17959 มีประวัติเดินทางเข้าออกประเทศไทย1ครั้ง ส่วนหญิงไทยเดินทางเข้าออกทั้งหมด6ครั้ง ล่าสุดทั้งหญิงไทยและนายซาเอ็ด เดินทางจากเมืองปูซาน ประเทศเกาหลีใต้ ด้วยสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG 655 มาลงที่ท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต เมื่อวันที่8 กุมภาพันธ์นี้พร้อมกัน แต่เบื้องต้นทราบว่าหญิงไทยคนดังกล่าวเดินทางออกจากประเทศไทยไปแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตำรวจสามารถคุมตัวผู้ต้องสงสัยชาวอิหร่านที่ร่วมกันก่อเหตุได้ 1 ราย
ต่อมาพล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงษ์ ผบ.ตร. ได้เดินทางมาสอบปากคำด้วยตนเองทราบชื่อ นายโมฮัมหมัด ฮาซาอี (Mosumnad Hazaei) อายุ 42 ปี หลังถูกกองกำกับการสืบสวนปราบปราม กองบังคับการตรวจคนเข้มเมือง 2 คุมตัวได้ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ขณะกำลังเตรียมจะขึ้นเครื่องสายการบินแอร์เอเชีย เที่ยวบินที่ FD 3575 ปลายทางกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ในเวลา 18.00 น. ขณะนี้อยู่ระหว่างพนักงานสอบสวนสอบปากคำ