วันนี้ (6 ก.พ.) พ.ต.ท.วิเชียร เหมือนสุวรรณ พนักงานสอบสวน สภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี
ได้รับแจ้งจาก นส.เอ๋ย บุญรุ่ง อายุ 28 ปี ว่าถูกคนร้ายขโมยเงินสดกว่า 2 หมื่นบาทไป ขณะที่จะนำเงินไปฝากในตู้ฝากเงินอัตโนมัติ ภายในธนาคารกสิกรไทย สาขาตลาดไท ต.คลองหนึ่ง จึงไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน ที่เกิดเหตุพบ น.ส.เอ๋ย ยืนรอเจ้าหน้าที่อยู่ภายในธนาคารด้วยอารมณ์เซ็งสุดขีด พร้อมให้การว่า มีอาชีพเป็นแม่ค้าขายสตอเบอร์รี่ ภายในตลาดไท ก่อนเกิดเหตุได้นำเงินสดจำนวน 5.5 หมื่นบาท มาที่ธนาคารเพื่อฝากเข้าบัญชี โดยขณะที่นำเงินไปฝากที่เครื่องฝากเงินอัตโนมัติ โดยนำเงินทั้งหมดใส่ลงไปในช่องฝากเงิน แต่เครื่องกลับคืนเงินมาให้ประมาณกว่า 2 หมื่นบาท เป็นจังหวะเดียวกับที่มีชายแต่งกายคล้ายพนักงานธนาคาร อายุประมาณ 50 ปี เดินเข้ามาหยิบเงินที่มือ แล้วนับเงินสับไปสับมาก่อนนำเงินใส่เข้าในช่องฝากเงินอีกครั้ง ซึ่งขณะนั้นตนคิดว่าเป็นพนักงานธนาคารมาช่วยอำนวยความสะดวกให้ จึงไม่ได้เอะใจอะไร
น.ส.เอ๋ย กล่าวต่อว่า จากนั้นเครื่องฝากเงินได้เริ่มนับเงิน จู่ๆ ชายคนดังกล่าวเดินออกจากธนาคารไปทันที
เมื่อเครื่องนับเงินเสร็จเรียบร้อยแล้วมียอดเงินปรากฎบนหน้าจอจำนวน 31,500 บาท ตอนแรกคิดว่าเงินค้างอยู่ในเครื่องฝาก จึงกดปุ่มยกเลิกการฝากเงินทั้งหมด แต่เมื่อนับเงินทั้งหมดแล้วถึงกับแทบช็อกเมื่อพบว่าเงินหายไป 23,500 บาท คิดว่าต้องถูกชายคนดังกล่าวนำเงินไปอย่างแน่นอน
ด้าน พ.ต.ท.จีรวัฒน์ แนวจำปา รรท.รอง.ผกก.สภ.คลองหลวง เปิดเผยว่า
จากการตรวจสอบพบว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคนร้ายแต่งกายคล้ายพนักงานธนาคาร อาศัยช่วงที่มีคนเข้ามาใช้บริการธนาคารจำนวนมาก เมื่อสบโอกาสเห็นเหยื่อที่นำเงินมาฝากกับเครื่องฝากเงินอัตโนมัติ แล้วมีปัญหาธนบัตรฝากเงินไม่เข้าเครื่อง จะทำทีเข้าไปช่วยเหลือ ทำเป็นหย่อนมือเข้าไปในช่องฝาก แต่ไม่ยอมปล่อยเงิน จากนั้นจะกดให้เครื่องนับเงินตามปกติ ซึ่งเครื่องจะนับเงิน 2 ครั้ง ถึงจะระบุยอดฝากที่หน้าจอ ระหว่างนั้นคนร้ายจะอาศัยจังหวะนี้หลบหนีออกไป ทั้งนี้ ขอฝากเตือนประชาชน ให้มีความระมัดระวังมิจฉาชีพที่มักมีวิธีการแปลกใหม่มาก่อเหตุอยู่เสมอ แนะนำว่าควรฝากเงินกับพนักงานประจำเคาน์เตอร์จะปลอดภัยกว่า อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ได้หลักฐานคนร้ายจากกล้องวงจรปิดของธนาคาร ซึ่งจะได้เร่งติดตามตัวภัยสังคมรายนี้มาดำเนินคดีต่อไป.