บุกค้นคุกบางขวางพบยาเสพติดอื้อ

บุกค้นคุกบางขวางพบยาเสพติดอื้อ


กรมราชทัณฑ์ สนธิกำลังกับ ตร.ภาค 1และ ปปส.นำกำลังบุกค้นคุกบางขวาง พบอุปกรณ์การเสพยาบ้า ยาไอซ์ โทรศัพท์มือถือ ซิมการ์ด เงินสด


เมื่อเวลา 03.30 น. วันที่ 3 ก.พ.55 เจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ได้สนธิกำลังร่วมกับตำรวจภูธร ภาค 1 เจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ปปส.) และอาสาสมัครฝ่ายปกครอง จ.นนทบุรี กว่า 400 นาย เข้าตรวจค้นหายาเสพติดและสิ่งของต้องห้ามภายในเรือนจำกลางบางขวาง จ.นนทบุรี ภายหลัง นายนิพนธ์ กันชาติ ผู้ต้องหาคดียาเสพติดพันล้าน ให้การซัดทอดว่า นายพีรยุทธ  แพทย์สกล หรือตี๋ ซึ่งเป็นนักโทษคดียาเสพติดในเรือนจำกลางบางขวางอยู่ในเครือข่ายดังกล่าวด้วย


ทั้งนี้ จากการตรวจค้นครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้กระจายกำลังเข้าจู่โจมตรวจค้นพร้อมกันทุกแดน ทั้งหมด 7 แดน ประกอบด้วย แดน 2 ถึงแดน 6 แดน 8 และ แดน 10 โดยมีการตรวจค้นอย่างละเอียดทุกซอกทุกมุม ไม่ว่าจะเป็นโรงนอน โรงซักล้าง โรงช่าง และลานออกกำลังกายของนักโทษ จากการตรวจค้นเจ้าหน้าที่พบอุปกรณ์การเสพยาบ้ายาไอซ์ โทรศัพท์มือถือ ซิมการ์ด เงินสด และเหล้าแช่ ซึ่งนักโทษทำขึ้นเอง เจ้าหน้าที่จึงอายัดไว้ทำการตรวจสอบหาเจ้าของต่อไป

                    
นายวิษณุ ประจงกิจ ผู้บัญชาการเรือนจำกลางบางขวาง กล่าวว่า การเข้าตรวจค้นในวันนี้ เป็นการตรวจค้นตามนโยบายการปราบปรามยาเสพติดของรัฐบาล โดยกรมราชทัณฑ์ได้สนธิกำลังร่วมกับตำรวจภูธร ภาค 1 เจ้าหน้าที่ ปปส. และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง จ.นนทบุรี เข้าตรวจค้นในแดนหลัก ทั้งหมด 7 แดน ที่เป็นเป้าหมายหลักซึ่งทั้งหมดเป็นแดนที่มีผู้ต้องขังที่มีโทษสูง โดยเป้าหมายในการตรวจค้นในครั้งนี้ก็เพื่อป้องกันและปราบปรามการลักลอบนำสิ่งของต้องห้าม โดยเฉพาะยาเสพติดและโทรศัพท์มือถือ เข้ามาในเรือนจำ

                      
"ส่วนกรณีที่ นายนิพนธ์ กันชาติ ผู้ต้องหาค้ายาเสพติด มูลค่ากว่า 1 พันล้านบาท ได้ให้การซัดทอดว่า  นายพีรยุทธ  แพทย์สกล หรือตี๋ ผู้ต้องขังภายในเรือนจำกลางบางขวางว่า มีส่วนเกี่ยวข้องนั้น เบื้องต้นภายหลังจากมีข่าวออกไปตามหน้าหนังสือพิมพ์ ว่า มีนักโทษในเรือนจำเข้าไปเกี่ยวข้อง ทางเรือนจำไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้ทำการตรวจสอบ พร้อมทั้งได้มีการสั่งย้าย นักโทษชาย นายตี๋ ไปแยกขังเดี่ยว ในแดน 10 และให้ผู้คุมดูแลอย่างใกล้ชิดเป็นพิเศษ เพื่อป้องกันการติดต่อพูดคุยกับบุคคลอื่นได้" นายวิษณุ กล่าว

                    
เบื้องต้น นายตี๋ ยังคงให้การปฏิเสธไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ายาเสพติดแต่อย่างใด ส่วนการพิจารณาคัดเลือกนักโทษคดียาเสพติด ไปอยู่ที่เรือนจำซูเปอร์แม็กนั้น ขณะนี้ทางเรือนจำกลางบางขวาง อยู่ระหว่างกำลังพิจารณาผู้ต้องขังคดียาเสพติดรายสำคัญ โดยทางเรือนจำจะติดตามพฤติกรรมของนักโทษ หากนักโทษรายใดมีพฤติกรรมติดต่อซื้อขายอีก ก็จะทำบัญชีขึ้นแบล็กลิสต์ ก่อนนำชื่อเสนอเพื่อดำเนินการส่งผู้ต้องขังไปควบคุมยังเรือนจำซุปเปอร์แมกซ์ จ.ราชบุรี ต่อไป


 ค้นยาเสพติด ชุมชนย่านราชเทวี

         
ทางด้าน พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล( รองผบช.น.) กำกับดูแลพื้นที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 1 กล่าวว่า จากการระดมกำลังตำรวจ102 นายและสุนัขตำรวจปิดล้อมตรวจค้นยาเสพติดในพื้นที่ชุมชนเป้าหมาย 3 แห่งคือ ชุมชนนิคมมักกะสัน แขวงมักกะสัน  เขตราชเทวี  ชุมชนคลองส้มป่อย แขวงถนนเพชรบุรี เขตราชเทวี ,ชุมชนซอยสวนเงิน แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี ในช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา
 
          สามารถจับกุมนายธงชัย แช่มช้อย อายุ 44 ปีพร้อมของกลางยาบ้า 52 เม็ด กระสุนปืนขนาด .32 จำนวน 42 นัด เงินสดจำนวน 40,000 บาท อุปกรณ์การเสพยาบ้า 2 ชุด    ในชุมชนคลองส้มปล่อย และจับกุมผู้ต้องหา 1 คน พร้อมอุปกรณ์การเสพยาบ้า 1 ชุดในชุมชนซอยสวนเงิน จับกุมชายต้องสงสัยได้อีก 1 รายขณะพยายามกระโดดน้ำหลบหนีเจ้าหน้าที่ตำรวจ 
 
          พล.ต.ต.วิชัย กล่าวว่า การเข้าปิดล้อมตรวจค้นครั้งนี้เป็นไปตามนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติในการลดการแพร่ระบาดของยาเสพติดในชุมชน โดย พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผบช.น.ได้สั่งการให้ทุกกองบังคับการมีการปิดล้อมตรวจค้นชุมชนเป้าหมายทุกสัปดาห์ ขณะเดียวกันก็ให้ตรวจสถานบริการทุกคืนวันเสาร์ ทั้งนี้ ก็เพื่อเป็นการกดดันผู้ค้าและผู้จำหน่ายรายย่อย ขณะเดียวกันเป็นการตัดช่องทางการเข้าถึงยาเสพติดของผู้เสพด้วย


ตรวจค้นเรือนจำลำปางเจอฝิ่น-มือถือ


          เมื่อเวลา 06.30 น. พ.ต.อ.พรชัย พักตร์ผ่องศรี รักษาราชการ ผบก.ภ.จว.ลำปาง พร้อมด้วยนายประสิทธิ์ วิชัย ผู้อำนวยการฝ่ายควบคุมเรือนจำ เรือนจำกลางลำปาง ได้กำลังตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบ เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ เรือนจำกลางลำปางกว่า 100 นาย และสุนัขตำรวจได้บุกจู่โจมตรวจค้นเรือนจำกลางลำปาง 
 
          โดยเจ้าหน้าที่ให้ผู้ต้องโทษออกมาจากเรือนนอนและมาอยู่ด้านล่างข้างเรือนนอน โดยมีการตรวจค้นตัวอย่างละเอียด ก่อนออกจากเรือนนอน และมีการตรวจค้นพร้อมกันทั้งแดนชายและแดนหญิง โดยผู้ต้องโทษ ถูกกักขังมีทั้งหมด 1,621 คน เป็นผู้ต้องโทษชาย 1,399 คน และหญิง 222 คน 
 
          จากนั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ได้กระจายกำลัง ทำการตรวจค้นภายในเรือนนอน ตู้เก็บของทั้งหมด จากการตรวจค้นพบฝิ่นจำนวนหนึ่ง อยู่ในตู้เก็บของผู้ต้องโทษชาย 1 ราย นอกจากนี้ภายในเรือนนอน 2 ห้องที่ 3 ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ พบโทรศัพท์มือถือ จำนวน 2 เครื่อง พร้อมซิมการ์ดและเครื่องชาร์ทโทรศัพท์ ซ่อนอยู่บริเวณกันสาดนอกหน้าต่าง เจ้าหน้าที่จึงตรวจยึด ไว้ตรวจสอบข้อมูลในโทรศัพท์มือถือ โดยเฉพาะหมายเลขโทรศัพท์ที่ใช้โทรเข้าและออก ใช้ติดต่อในทางผิดกฎหมายหรือไม่อย่างไร โดยเฉพาะเรื่องยาเสพติด ซึ่งที่พบโทรศัพท์มือถือ เป็นเรือนนอนของผู้ต้องโทษในคดียาเสพติด และเป็นผู้ต้องโทษรายสำคัญถูกขังรวมกันอยู่



เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์