เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 2 ก.พ. ที่ บช.ปส. พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ โชติมา ผบช.ปส. ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว “เดลินิวส์”
ถึงเกี่ยวกรณี ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ สามารถตรวจยึด ยาเม็ดสีขาวดังกล่าวมีขนาดเท่ายาบ้า และพิมพ์อักษรตัว เอส บนเม็ด ได้เป็นจำนวนมากนั้นว่า คงต้องรอผลการตรวจสอบทางห้องปฎิบัติการทางวิทยาศาสตร์ของสำนักยาและวัตถุเสพติด กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข อย่างเป็นทางการ ว่ามีสารเคมีชนิดใดบ้างที่ประกอบอยู่ในเม็ดยา อย่างไรก็ดี ผลตรวจสอบในเบื้องต้นระบุว่า ยาชนิดนี้น่าจะเป็นเป็นยาเสพติดชนิดหนึ่งที่มีชื่อเรียกว่า “โคเดอีน” ถ้ายาเม็ดสีขาว สรุปผลตรวจออกมาว่าเป็นยาโคเดอีนจริง ก็ถือเข้าข่ายความผิด ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มของยาเสพติดให้โทษในประเภท 2
สำหรับ “โคเดอีน” สกัดมาจาก น้ำยางของฝิ่น คล้ายกับ มอร์ฝีน และ เฮโรอีน แต่จะมีคุณสมบัติที่ต่างกับยาเสพติดทั่วไป
คือจะออกฤทธิ์ ระงับอาการปวดและระงับอาการไอได้ ปัจจุบันทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) จะเป็นผู้ที่กำหนดยอดการผลิต ยาแก้ไอที่มีส่วนผสมของโคเดอีน ในแต่ละปี โดยจะให้ทางองค์การเภสัชเป็นผู้ผลิต ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น ยาแก้ไอ ชนิดเม็ด ชนิดแคปซูล และชนิด แต่จะกำหนดให้ยาแก้ไอชนิดที่ผสมโคเดอีนนี้ จัดอยู่ในกลุ่มของยาเสพติดให้โทษในประเภทที่ 3 ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 อนุญาตให้ได้ในเฉพาะตามโรงพยาบาลเท่านั้นแต่ก็มีกลุ่มวัยรุ่นนำไปผสมกับเครื่องดื่มเพื่อดื่ม ซึ่งทำให้เกิดอาการ มึน เมา การลักลอบนำเข้ายาแก้ไอที่ผสมโคเดอีนส่วนใหญ่ ผู้ที่นำเข้าก็นำไปส่งขายต่อตามร้านขายยาทั่วไป ในราคาถูก กว่าขององค์การเภสัชผลิต เพราะว่าหลบเลี่ยงภาษีนำเข้า แต่ก็ไม่ค่อยที่จะเป็นที่แพร่หลายมากนั้น เพราะเป็นยาที่ใช้ในเฉพาะกลุ่ม ต่างกับยาบ้า และยาไอซ์ ที่แพ่รหลายเป็นที่นิยมในกลุ่มผู้เสพยาทั่วไป
ที่ผ่านมานั้น ทาง บช.ปส. ก็ได้มีการกวดขันและจับกุมทั้งผู้ที่นำเข้าและผู้ที่เสพอย่างผิดกฎหมาย ของยาเสพติดประเภทนี้มาอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว ไม่ได้ให้ความสำคัญน้อยกว่ายาเสพติดประเภทอื่นแต่อย่างใด ถ้าเจอเมื่อไหร่ ถูกจับเมื่อนั้นแน่นอน