วันนี้ (30 ม.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี
ให้สัมภาษณ์กรณีคนร้ายใช้ M79 ยิงถล่มฐานทหารพรานที่ 4302 ต.ปุโละปุโย อ.หนองจิก จ.ปัตตานี และเจ้าหน้าที่ปิดล้อมรถกระบะ อีซูซุ สีบรอนซ์เงิน ยิงด้วยอาวุธปืนอาก้า ทำให้มีผู้เสียชีวิต 4 ราย และบาดเจ็บ 4 ราย จนมีข่าวแพร่สะพัดออกไปว่าเจ้าหน้าที่ยิงชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ ว่า ยืนยันว่าทหารไม่ได้ยิงประชาชน เท่าที่ได้รับรายงานเบื้องต้นมีรถกระบะและรถจักรยานยนต์ ซึ่งรถจักรยานยนต์มีเอ็ม 79 ที่ไปยิงใส่ฐานทหารพราน รถจักรยานหนีไปได้ แต่รถกระบะหนีไม่พ้น ตกถนน ทหารพรานที่ถูกยิงได้รับบาดเจ็บ จึงได้มาปิดล้อมรถกระบะคันดังกล่าว เพราะรู้ว่าในรถคันนั้นมีอาวุธ หลายอย่างและจำนวนมาก และมีเด็กหนุ่ม ๆ ทั้งนั้น เมื่อเข้าไปปิดล้อมและเข้าไปเคลียร์แล้วพบว่ามีผู้เสียชีวิต 4 คน และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ แต่มีอาวุธหลายประเภท ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ แล้วจะรายงานให้ทราบต่อไป และยังไม่ทราบว่าเป็นกลุ่มใด
เมื่อถามว่า แต่ชาวบ้านแย้งว่ารถกระบะคันดังกล่าวกำลังขนชาวบ้านไปทำพิธีทางศาสนา รองนายกฯ กล่าวย้อนว่า
นั่นคือข้ออ้าง ถ้าจะไปทำพิธีกรรมแล้วทำไมถึงมีอาวุธอยู่ในรถ ถ้าประชาชนที่จะไปทำละหมาดก็ไม่ควรมีอาวุธสงครามมากขนาดนั้น และไม่จำเป็นที่จะต้องหนีด้วย แต่นี่หนีจนกระทั่งตกถนน ซึ่งเหตุที่เกิดขึ้นเป็นเหตุที่เกิดขึ้นต่อเนื่องจากการที่ฐานทหารพรานถูกถล่มยิงด้วยเอ็ม 79 ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบและคงจะมีรายงานเพิ่มเติมเข้ามา ต่อข้อถามว่า แสดงว่าจากนี้ต้องเร่งทำความเข้าใจกับประชาชนให้มากขึ้น พล.อ.ยุทธศักดิ์ ยอมรับว่า ต่อไปต้องทำความเข้าใจ เพราะวิธีพูดกับวิธีปฏิบัติมันไม่เหมือนกัน เมื่อถามย้ำว่า ยืนยันว่าผู้เสียชีวิตไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดา รองนายกฯ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ กำลังตรวจสอบอยู่ และไม่เชื่อว่าเป็นชาวบ้าน เพราะมันเกิดขึ้นหลังจากที่หน่วยทหารพรานถูกยิง
พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ทั้งนี้เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาทางเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.)และผอ.สำนักข่าวกรองแห่งชาติได้มาหารือเกี่ยวกับการทำงาน
โดยตนใช้ระบบการทำงานแบบเดียวกับทหารเมื่อเข้ามารับตำแหน่งกำกับดูแล ตนได้เชิญหน่วยงานที่ต้องรับผิดชอบมารับทราบว่าในช่วงต้นเดือนก.พ.นี้ตนจะเดินทางไปตรวจเยี่ยม รับทราบการทำงานและมอบนโยบาย อย่างไรก็ตาม ทางสมช.เตรียมที่จะเสนอแผนการทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ ขณะที่กองทัพบกและกอ.รมน.กำลังปรับแผนการทำงานเช่นเดียวกันเพื่อให้เป็นแผนบูรณาการ เพื่อให้ทุกหน่วยงานเข้ามามีส่วนร่วม ไม่ใช่ทหารเพียงหน่วยงานเดียว และภายหลังมอบนโยบายแล้ว ตนจะลงไปตรวจเยี่ยมในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งนายกฯได้มอบหมายให้ตนลงไปดูแลแก้ไขปัญหาอย่างใกลชิดและรายงานให้นายกฯรับทราบเป็นระยะ